ธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ย่อมมีด้วยเหตุเท่าไร
สันทิฏฐิกสูตรที่ ๑
ครั้งนั้นแล โมฬิยสิวกปริพาชกเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ดังนี้
ธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ย่อมมีด้วยเหตุเท่าไรหนอแล
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรสิวกะ ถ้าเช่นนั้นเราจักย้อนถามท่านในข้อนี้ท่านพึงพยากรณ์ข้อนั้นตามที่ควรแก่ท่าน ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน คือ ท่านย่อมทราบชัดโลภะที่มีอยู่ในภายในว่า โลภะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดโลภะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า โลภะไม่มีอยู่ในภายใน
โมฬิยสิวกปริพาชกทูลตอบว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า
ดูกรสิวกะ การที่ท่านทราบชัดโลภะที่มีอยู่ในภายในว่า โลภะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดโลภะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า โลภะไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การที่ท่านทราบชัดโทสะที่มีอยู่ในภายในว่า โทสะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดโทสะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า โทสะไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การที่ท่านทราบชัดโมหะที่มีอยู่ในภายในว่า โมหะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดโมหะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า โมหะไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การที่ท่านทราบชัดธรรมที่ประกอบด้วยโลภะที่มีอยู่ในภายในว่า ธรรมที่ประกอบด้วยโลภะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดธรรมที่ประกอบด้วยโลภะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า ธรรมที่ประกอบด้วยโลภะไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การที่ท่านทราบชัดธรรมที่ประกอบด้วยโทสะที่มีอยู่ในภายในว่า ธรรมที่ประกอบด้วยโทสะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดธรรมที่ประกอบด้วยโทสะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า ธรรมที่ประกอบด้วยโทสะไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การที่ท่านทราบชัดธรรมที่ประกอบด้วยโมหะที่มีอยู่ในภายในว่า ธรรมที่ประกอบด้วยโมหะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดธรรมที่ประกอบด้วยโมหะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า ธรรมที่ประกอบด้วยโมหะไม่มีอยู่ในภายในของเรา
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาค กับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้
เป็นต้นไป
สันทิฏฐิกสูตรที่ ๒
ครั้งนั้นแล พราหมณ์คนหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ดังนี้
ธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาลควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ย่อมมีด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอแล
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ ถ้าเช่นนั้น เราจักย้อนถามท่านในข้อนี้ ท่านพึงพยากรณ์ข้อนั้นตามที่ควรแก่ท่าน
ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน คือ ท่านทราบชัดราคะที่มีอยู่ในภายในว่า ราคะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดราคะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า ราคะไม่มีอยู่ในภายในของเรา
พราหมณ์ทูลตอบว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า
ดูกรพราหมณ์ การที่ท่านทราบชัดราคะที่มีอยู่ในภายในว่า ราคะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดราคะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า ราคะไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การที่ท่านทราบชัดโทสะที่มีอยู่ในภายในว่า โทสะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดโทสะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า โทสะไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การที่ท่านทราบชัดโมหะมีอยู่ในภายในว่า โมหะมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดโมหะที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า โมหะไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การที่ท่านทราบชัดเหตุเครื่องประทุษร้ายกายที่มีอยู่ในภายในว่า เหตุเครื่องประทุษร้ายกายมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัด เหตุเครื่องประทุษร้ายกายที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า เหตุเครื่องประทุษร้ายกายไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
การที่ท่านทราบชัดเหตุเครื่องประทุษร้ายวาจามีอยู่ในภายในว่า เหตุเครื่องประทุษร้ายวาจามีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัด เหตุเครื่องประทุษร้ายวาจาที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า เหตุเครื่องประทุษร้ายวาจาไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ฯลฯ อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
ดูกรพราหมณ์ การที่ท่านทราบชัดเหตุเครื่องประทุษร้ายใจที่มีอยู่ในภายในว่า เหตุเครื่องประทุษร้ายใจมีอยู่ในภายในของเรา หรือทราบชัดเหตุเครื่องประทุษร้ายใจที่ไม่มีอยู่ในภายในว่า เหตุเครื่องประทุษร้ายในไม่มีอยู่ในภายในของเรา อย่างนี้แล เป็นธรรมอันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป