สมถะ + วิปัสสนา x วิราคะ
กราบเรียนท่านอาจารย์ครับ เมื่อเช้านี้ผมนั่งสมาธิ ก็รู้สึกว่าเราอยากวิปัสสนาแล้วดูตามธรรมชาติ สิ่งที่ผมเห็นก็พื้นพื้นทั่วไป แต่อยากจะกราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่าความเข้าใจผมถูกต้องไหมครับ
ตอนผมนั่งอยู่ จิตใจของผมก็ไม่ได้เป็นสมาธิรวดเดียวต่อเนื่อง จะมีอาการเผลอหลับบ้างบางจังหวะ ตอนหลับนี่แหละครับที่เหมือนกับใจเราเคลื่อนออกไป ประกอบกับเวลาเกิดเสียงก็ไปรับรู้ คราวนี้ความพอใจไม่พอใจเกิดตรงที่ว่าถ้าใจเราเคลื่อนออกไป (ผมว่าอันนี้คือโมหะ) ไปประกอบกับเสียงที่เกิด จึงเกิดความพอใจไม่พอใจใช่หรือไม่ครับ คราวนี้ผมลองเปรียบเทียบดู เมื่อนำใจของเราอยู่กับสติ เสียงที่เกิดก็จะทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเราต้องบอกตัวเองว่าให้ปล่อยวาง
สรุปก็คือ คนธรรมดานั้น ถ้าไม่ปล่อยให้จิตซึ่งหลุดออกไปบ้าง ได้สำแดงให้เห็น เราก็จะไม่เข้าใจการทำงานของจิต ตรงนี้เป็นจุดตัดที่แตกต่างกันระหว่างสมถะกับวิปัสสนาใช่ไหมครับ
เมื่อผมเจอแบบนี้ กว่าผมจะเข้าใจ ผมต้องใช้วิธีทวนแล้วทวนอีกว่าเกิดอะไรขึ้น แบบนี้มันไปติดอยู่กับความคิดแล้วหรือไม่ครับ กราบขอบพระคุณครับท่านอาจารย์
Dee krub. Leaning from reality.
รู้แล้วหาทางบริหารให้ดีขึ้น จนได้ new better state of mind
สติ คือ จิตอยู่ภายในก็รู้ จิตไปภายนอกก็รู้
วิปัสสนา คือ เห็นความจริงตรงจริง เช่น ธรรมชาติของจิต กลไกการทำงานของจิต การพัฒนาจิตให้หมดจดขึ้น
สมถะ คือ ความตั้งมั่นแห่งจิตที่มีกำลังปฏิบัติการอย่างได้ผล
ผู้ถาม
กราบขอบพระคุณครับ กราบรายงานผลท่านอาจารย์ครับว่า พอเราปล่อยวางเป็นสมถะ จิตจะมีความสุขกว่า พอเราวิปัสสนา จิตไม่มีความสุขเท่า และหลังจากการปฏิบัติวิปัสสนาก็มีใจที่วุ่นวายกว่าสมถะครับ แต่ผมก็พอเข้าใจว่าเป็นธรรมชาติเช่นนี้ครับ
อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ
ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงให้ปฏิบัติ สมถะ + วิปัสสนา × วิราคะ
ปฏิบัติครบก็จะมีกำลัง ฤทธิ์ ปัญญา และบรรลุธรรม มากและง่าย
วิปัสสนาที่สบายที่สุด คือ วิปัสสนาในสมาธิ
วิราคะที่ได้ผลดีที่สุด คือ วิราคะในฌาน
สมาธิจึงเป็นทั้งฐานที่มั่น ฐานบัญชาการ ฐานปฏิบัติการหลัก
เมื่อวิปัสสนา วิราคะ ในฌาน สมถะก็ยิ่งบริบูรณ์ขึ้น เป็นสมาบัติ
เมื่อสมาธิมั่นคงเป็นสมาบัติ ก็จะเข้าสู่มาตรฐาน ปฏิบัติง่าย สำเร็จเร็ว อภิญญาใหญ่ โดยอัตโนมัติ