Main navigation

เจริญมรรคโดยไม่แจ้งนิโรธได้ผลหรือไม่

Q ถาม :

กราบเรียนถามท่านอาจารย์ครับ อาจารย์สอนให้แจ้งนิโรธแล้วเจริญมรรค ถ้าคนยังไม่สามารถแจ้งนิโรธ แล้วเจริญมรรคเลย จะได้ผลไหมครับ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

ในธรรมจักร พระผู้มีพระภาคทรงประกาศอริยสัจสี่

มีการปฏิบัติสี่ขั้นตอน คือ 1) รู้ทุกข์  2) ละสมุทัย  3) แจ้งนิโรธ  4) เจริญมรรค

เมื่อเราเป็นทุกข์ ก็พึงกำหนดรู้ทันทีว่า เป็นธรรมชาติของการปรุงประกอบทั้งหลายที่เป็นทุกข์ สัพเพสังขาราทุกขาติ

เมื่อเราไม่อยากทุกข์ก็ละเหตุที่ทำให้ทุกข์เสีย โดยไม่ต้องเสียเวลาไปปะทะกับทุกข์

เมื่อละเหตุแห่งทุกข์ได้ ก็ได้นิโรธ ใครได้นิโรธสมบูรณ์เลย ก็สำเร็จอรหันต์เลย เช่น ท่านพระพาหิยะ และมานพทั้งสิบหกในโสฬสปัญหา ใครได้นิโรธชั่วคราว คือ ตทังควิมุตติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่ได้ แต่ก็ทำให้แจ้งนิโรธแล้วว่า โอ... วิมุตติเป็นสุขอย่างนี้เองหนอ ว่างอย่างยิ่ง บริสุทธิ์จริง ๆ ครั้นแล้ว ก็เอาพระนิพพานเป็นเป้าหมาย

เมื่อมีเป้าหมายแน่นอนแล้ว ก็มาจัดระเบียบชีวิตใหม่ ทั้งระบบความเข้าใจ (vision) ระบบความตั้งใจ (mission) ระบบการพูดจา ระบบการกระทำ ระบบอาชีพ กลยุทธ์ความเพียร ธรรมยุทธ์สติ ธรรมยุทธ์สมาธิ ให้ตรงสู่ผลทั้งสิ้น เรียกว่าเจริญมรรค เมื่อรู้เป้าหมายชัด การตัดถนนก็ตรงที่สุด สั้นที่สุด ถึงเร็วที่สุด

หากยังไม่แจ้งนิโรธ ยังไม่เห็นเป้าหมาย แล้วเจริญมรรคเลย มักเกิดปรากฏการณ์ได้ 4 อย่าง คือ

1.  สร้างมรรคผิดทาง ตั้งใจไปสุขอย่างยิ่ง แต่สร้างทางไปทุกข์อย่างยิ่ง เพราะเข้าใจความดีผิดเกณฑ์ แทนที่จะไปพระนิพพานก็ไปอบาย เช่น พระเทวทัต เป็นต้น

2.  สร้างมรรควนไปวนมา เดินมากก็กลับมาที่เดิมมาก ไปไม่ถึงไหน เรียกว่าวัฏฏะสงสาร ซึ่งปรากฏแก่คนหลงโลกทั้งหลาย

3.  สร้างมรรคปรุงแต่ง พยายามทำการปฏิบัติให้วิจิตรพิสดารอลังการ เรื่องมากวุ่นวาย ขั้นตอนเยอะ ระเบียบแยะ ยิ่งปรุงแต่งมากก็ยิ่งทุกข์มาก เพราะทุกข์เป็นผลของการปรุงแต่งโดยตรง

4.  สร้างมรรคด้วยการยึดถือ แม้ตรงทาง แต่ถ้ายึดถือมาก ก็แช่อยู่ ณ ที่ยึดถือนั่นแหละ 

บ้างก็ยึดทาน เมามันกับการบุญ เอาบุญไปอวดกัน ดูหมิ่นกันเพราะบุญ

บ้างก็ยึดทิฏฐิ เอาทิฏฐิไปอวดกัน ทะเลาะกันเพราะทิฏฐิต่างกัน

บ้างก็ยึดศีล เอาศีลไปอวดกัน ทะเลาะกันเพราะศีลต่างกัน

บ้างก็ยึดรูปแบบปฏิบัติ เอารูปแบบไปอวดกัน เอาไปครอบงำกัน

บ้างก็ยึดสมาธิ เอาสมาธิไปอวดกัน ปะทะกันด้วยฤทธิ์

บ้างก็ยึดปัญญา อวดรู้ เอร็ดอร่อยกับการสร้างสรรค์และสรรเสริญ

ยึดตรงไหนก็ค้างอยู่ตรงนั้น หากไม่ยึดก็เดินไปเรื่อย ๆ จนถึงความบริสุทธิ์ได้เช่นกัน ก็มีหลายท่าน

หากไม่แจ้งนิโรธแล้วประสงค์จะเจริญมรรคเลยโดยไม่เสี่ยงก็ควรเดินตามผู้นำแท้บนมรรคาที่ปลอดภัย คือ

1.  เดินตามพระพุทธเจ้า ด้วยพุทธวิธี บนมรรควิถีที่ทรงปฏิบัติ ทรงสำเร็จ ทรงสอน ทรงนำแล้ว ซึ่งหลากหลายวิธี cover คนทุกจริต ทุกกรรม ดังที่ปรากฏในพระไตรปิฎก

2.  เดินตามพระอรหันต์ผู้ปฏิบัติแล้ว สำเร็จแล้ว ท่านจะสามารถพาปฏิบัติตามวิธีที่ท่านสำเร็จได้ อาจจะไม่มากวิธี แต่ก็พอเอาตัวรอดได้ ถ้าจริตนิสัยของเราถูกกับวิธีของท่าน

3.  เดินตามพระนิยตโพธิสัตว์ เฉพาะพระนิยตะนะ ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ธรรมดา ท่านเหล่านี้ย่อมแตกฉานในธรรม ในกรรมฐาน ในสภาวะ และในผลหลากหลาย

นี่คือสามผู้นำที่พาปลอดภัย ควรเดินตาม

ถ้าไม่เจอผู้นำที่พาเราปลอดภัยล่ะ

ก็ศึกษาด้วยตัวเอง ปฏิบัติเอง พัฒนาเอง บรรลุเอง

ทำได้ไหม

ได้ ถ้าเคารพคุณค่าแห่งตน และไม่ดูหมิ่นตัวเอง

จิตใจแบบนี้สำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าจำนวนมาก เพียงแต่จะสำเร็จในสมัยที่ไร้พุทธศาสนาเท่านั้น