พระอัญญาโกณฑัญญเถระปรินิพพาน
พระอัญญาโกณฑัญญะทูลขอพระพุทธเจ้าไปอยู่ในชนบทเพื่อให้ภิกษุอื่นอยู่ใกล้พระพุทธเจ้าได้โดยความสำราญ เมื่อพระพุทธเจ้าอนุญาตแล้วจึงเดินทางไปยังสระมันทากินีโปกขรณีถิ่นช้างตระกูลฉัททันตะที่เคยชำนาญการปรนนิบัติพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย
พระอัญญาโกณฑัญญะอยู่ที่ริมสระนั้นให้ช้างดูแลอยู่ ๑๒ ปี ก็ทราบว่าอายุสังขารตนสิ้นแล้ว จึงเหาะไปหาพระพุทธเจ้าที่วิหารเวฬุวันเพื่อขออนุญาตปรินิพพานในที่ใกล้ๆ ช้างเหล่านั้น เพราะช้างทั้งหลายบำรุงตนอยู่ถึง ๑๒ ปี
เมื่อพระอัญญาโกญฑัญญะไปถึง ก็กราบที่แทบพระบาทพระพุทธเจ้าและปรเกาศชื่อตนเพื่อปิดทางอบายให้กับภิกษุที่อาจจะคิดไม่ดีกับตน และเปิดทางสวรรค์ให้กับภิกษุที่เลื่อมใสในมหาสาวก
พระวังคีสะได้สรรเสริญพระอัญญาโกณฑัญญะด้วยคาถาดังนี้
พระโกณฑัญญะเถระนี้ เป็นผู้ตรัสรู้ตามพระพุทธองค์ เป็นผู้มีความเพียร เครื่องก้าวหน้าอย่างแรงกล้า เป็นผู้ได้ธรรมเครื่องอยู่ทั้งหลายอันเกิดแต่วิเวกเนืองนิตย์
คุณอันใดอันพระสาวกผู้ทำตามคำสอนของพระศาสดาพึงบรรลุ คุณอันนั้นทุกอย่างอันพระโกณฑัญญะเถระนั้น เป็นผู้ไม่ประมาท ศึกษาอยู่ บรรลุแล้วโดยลำดับ
พระโกณฑัญญะเถระเป็นผู้มีอานุภาพมาก เป็นผู้ได้วิชชา ๓ เป็นผู้ฉลาดในเจโตปริยญาณ เป็นทายาทของพระพุทธองค์ ไหว้อยู่ซึ่งพระบาททั้งสองของพระศาสดา
เมื่อพระผู้มีพระภาคอนุญาตให้พระอัญญาโกณฑัญญะปรินิพพานในที่ใกล้ๆ ช้างเหล่านั้น มหาชนต่างคร่ำครวญอยู่ พระอัญญาโกฎฑัญญะก็ได้สั่งสอนมหาชนว่า
ท่านทั้งหลาย อย่าเศร้าโศกเลย อย่าคร่ำครวญไว้เลย เป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม เป็นพุทธสาวกก็ตาม สังขารที่เกิดขึ้นแล้ว ชื่อว่าไม่แตกทำลาย ย่อมไม่มี
เมื่อพระอัญญาโกญฑัญญะปรินิพพานแล้ว ท้าวสักกะได้ให้พระวิษณุกรรมเทพบุตรเนรมิตรเรือนยอดแล้วให้พระเถระนอนในเรือนยอดนั้น พวกเทวดายกเรือนยอดขึ้นสู่จิตกาธาน ภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป เหมาะมาสาธยายตลอดคืน พระอนุรุทธเถระแสดงธรรม เทวดาเป็นอันมากได้ตรัสรู้ธรรม
รุ่งขึ้น เทวดาได้นำพระธาตุมาวางไว้ในพระหัตถ์ของพระศาสดา พระพุุทธเจ้าทรงเหยีดพระหัตถ์ไปที่แผ่นดิน พระเจดีย์ก็ชำแรกแผ่นดินออกมา และได้ทรงบรรจุพระธาตุในพระเจดีย์ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์