การแผ่เมตตาให้คนอื่นให้ได้ผล
การที่เราจะแผ่เมตตาให้คนอื่น นั่นหมายความว่าตัวเราจะต้องมีความเมตตาอยู่ในตัวเองก่อนถึงจะสามารถให้คนอื่นได้ใช่หรือไม่คะ เพราะบางครั้งเราไม่แน่ใจว่าตัวเราเองมีพอหรือเปล่าค่ะ
มันก็เหมือนกับถ้าเราเป็นหลอดไฟ เราจะส่องแสงไปให้โลกได้สักเท่าไหร่ มันขึ้นอยู่กับว่า กระแสไฟที่เข้ามาสร้างแสงมากแค่ไหนใช่ไหม ถ้าแสงมากกำลังวัตต์ดี ก็ส่องสว่างได้ไกล ถ้าแสงน้อยกำลังวัตต์น้อย ก็ส่องไปได้ริบหรี่ ๆ ดังนั้น ให้เราทำใจของเราให้มีเมตตาก่อนเต็ม ๆ กำลังวัตต์เราก็ดีจะแผ่ได้ไกล เข้ม สูง แต่ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ดี ๆ ก็แผ่เลย แผ่จะริบหรี่ ๆ ไป บางทีขณะที่แผ่เมตตาไปก็อาจจะมีโมหะแถมไปด้วยหน่อย มีราคะแถมไปด้วยนิด มีโทสะแถมไปด้วยประปราย มันก็จะกลายเป็นเมตตาที่เลอะเทอะ แต่ถ้าเราจูนของเราให้เรียบร้อย แล้วแผ่ มันก็จะหมดจดมากขึ้น เป็นฌานได้ พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า เรากล่าวผู้มีเมตตา (บริสุทธิ์นะ) ว่าเป็นผู้ไม่ว่างจากฌานเลย
เกณฑ์ที่จะพิจารณาว่าเรามีเมตตาพอไหม ก็ดูว่า ใจเราเป็นสุขดีไหม ถ้าเป็นสุขดีอยู่แสดงว่าเราเมตตาต่อตนเองมาพอสมควร ไม่ทำจิตใจให้เดือดร้อน ก็จะเมตตาปรารถนาให้คนอื่นเป็นสุขได้
ดังนั้น อย่ามัวคิด เมตตาตนเองเดี๋ยวนี้ เป็นสุขเดี๋ยวนี้ ก็แผ่เมตตาได้เดี๋ยวนี้เลย