ทำไมนั่งสมาธิได้ดีกว่าเดินจงกรม
แปลกใจว่าทำไมนั่งสมาธิได้ดีกว่าเดินจงกรม เดินจงกรมนี่เดินหลับในเลย
แต่ละคนจะมีจริตไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงสั่งไว้ว่า “เธอจงประพฤติธรรมให้สมควรแก่ธรรม” ให้เหมาะกับสภาวะของตัวเอง อาการแห่งการบรรลุธรรม พระอานนท์บอกว่ามีได้ ๔ อาการ คือ ๑) ขณะฟังธรรม ๒) ขณะพิจารณาธรรม ๓) ขณะแสดงธรรม ๔) ขณะที่จิตรวมกันเป็นหนึ่ง มรรคสมังคีปรากฏขึ้น คือมรรคทุกตัวที่เราบำเพ็ญแล้วมันรวมเป็นหนึ่งในจิต ก็จะบรรลุธรรมเช่นกัน ณ ขณะนั้น
ซึ่งการฟังธรรม การแสดงธรรม การพิจารณาธรรม การรวมมรรคนี้ เกิดได้ในทุกอิริยาบถ ดังนั้น ขณะนอนก็บรรลุได้ เดินก็บรรลุได้ ยืนก็มีพระบรรลุเยอะ นั่งก็มีพระบรรลุเยอะ พระสารีบุตรถวายงานพัดพระพุทธเจ้าอยู่ก็บรรลุ บรรลุขณะทำงาน จริง ๆ แล้ว บรรลุได้ทุกอาการ อย่าไปคิดว่าเราจะต้องเดินจงกรมเท่านั้น ต้องนั่งสมาธิเท่านั้น ไม่จำเป็น ตรงไหนก็ได้ บางทีกินข้าวอยู่บรรลุได้ก็มี มีพระองค์หนึ่งไปบรรลุในปากเสือด้วย ถูกเสือกัดก็เจ็บปวด ก็เลยพิจารณาเวทนาไม่เป็นตน ปล่อยวางเวทนา ปล่อยวาง ปล่อยวาง จนจิตมันสลัดเวทนาออก จริง ๆ เวทนาเป็นที่รวมแห่งธรรมทั้งปวง พอสลัดเวทนาออกจากรู้ รู้ก็เลยหลุดจากทุกสิ่ง สำเร็จธรรมในปากเสือ ดังนั้นบรรลุธรรมตรงไหน เมื่อไรก็ได้
อาการของการบรรลุธรรมมันจะปรากฏเป็นอาการขาดผึงของการยึดถือทั้งหลาย ถ้าเราสมาธิดี มันจะ condense ก่อน condense แล้วระเบิด นามธาตุมันระเบิด คือกิเลส ตัณหา การยึดถือทั้งหมดมันระเบิด แล้วมันจะโล่ง พอมันระเบิดก็ดี หรือมันขาดก็ดี เราจะเห็นได้ว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดแจ้งอยู่ในจิตใจของเรา ในร่างกายของเรา แสงสว่างจะปรากฏอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แล้วเราจะเห็นโลกในมิติใหม่ โลกเดิมนี่แหละ แต่มองโลกไม่เหมือนเดิม มันเห็นเป็นอีก version หนึ่งไปเลย มันจะมีวิมุตติสุขปรากฏในทุกขั้น ทั้งโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ แต่มันจะสุขในดีกรีที่ต่างกัน วิมุตติสุขก็คือมันจะสุข จิตมันจะอยู่ของมันอย่างนั้น ไม่หิว ไม่ง่วง ไม่อะไรเลยอยู่พักหนึ่ง บางคน ๓ วัน บางคน ๗ วัน อย่างพระพุทธเจ้าทรงอยู่ในวิมุตติสุข ๔๙ วัน ไปอยู่ใต้ต้นไม้ต่าง ๆ ๔๙ วัน ไม่หิว ไม่ถ่าย ไม่นอน ไม่อะไรเลย นั่นแหละคืออาการของวิมุตติสุข
ดังนั้นอย่างไรก็ได้ ทำให้มันได้ ถ้าเราไม่ถนัดเดินจงกรม ก็นั่ง นั่งแล้วก็มุทราก็ได้ ถ้าเราไม่ถนัดนั่ง ก็ลุกขึ้นมาเดิน ถ้าใครไม่ถนัดนั่ง ไม่ถนัดเดิน ยืนเฉย ๆ ก็ได้ ยืนพิจารณาไป ในขณะที่ยืนพิจารณาก็จะได้อะไรดี ๆ ใครทำอะไรไม่ได้เลย นอนปฏิบัติก็ได้ แต่นอนปฏิบัติให้นอนในท่ามกลางหมู่คณะ อย่าไปนอนคนเดียว ถ้าไปนอนคนเดียวส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้ปฏิบัติ มันจะหลับเสียก่อน มีพระสมัยพุทธกาลที่สำเร็จธรรมขณะนอน เช่น พระวักกลิก็สำเร็จขณะนอนเช่นกัน
อิริยาบถใดก็ได้ มันขึ้นอยู่กับจริตของเรา แต่จริตของเราก็ไม่ได้ถาวร ช่วงนี้เราไม่ชอบเดิน เดินแล้วไม่ได้ ก็ยังไม่ต้องเดิน ขณะที่เขาเดินกัน ก็ปลีกตัวไปนั่งข้าง ๆ แต่พอไปสักระยะหนึ่ง พอนั่งสมาธิเยอะ ๆ จิตมันสงัดดีแล้วมันอาจจะอยากเดิน เพราะมันอยู่เฉย ๆ เลือดลมไม่ไหลเวียนก็ลุกขึ้นมาเดิน คนอื่นนั่ง เราก็เดินได้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทั้งหมด พอเราทดลองปฏิบัติแล้ววิธีนี้ไม่เหมาะกับสภาวะของเราในขณะนี้ก็ขอปลีกตัวไปปฏิบัติลำพัง แค่นั้นเอง