การดับเสน่หาในเพศตรงข้าม
อาจารย์ครับ เราจะดับเสน่หาในเพศตรงข้ามได้อย่างไรครับ มันรบกวนบ่อยเกินไป ขอท่านอาจารย์ชี้แนะด้วยครับ
ตั้งสติ ส่องดูความจริงให้ล้ำลึก
ผิวพรรณหน้าตานี้เป็นเพียง packaging
ใน package นี้ มีโครงยึดโยงคือ กระดูก เนื้อ เอ็น มีกลไกทำงาน คือ อวัยวะภายในต่าง ๆ มีพลังหล่อเลี้ยง คือ อาหาร อากาศ และกรรม เมื่อแหวกออกดูก็เห็นเป็นเหมือนกระสือ ไม่น่าดู ไม่น่าชม เป็นทุกคน ไม่มียกเว้น นั้นคือ package และโครงสร้าง และกลไกหล่อเลี้ยงมัน
แล้ว package นั้นห่อหุ้มอะไรอยู่
ทุก package ของชนทั้งหลาย (ยกเว้นพระอรหันต์) ล้วนห่อหุ้ม อวิชชา ตัณหา กิเลสอยู่ และมีปัญญากับคุณธรรมแทรกอยู่ประปราย แต่ยังไม่แข็งแรงพอที่จะเป็นใหญ่ในใจ อวิชชายังเป็นใหญ่อยู่ มีตัณหาปรุงความอยากความไม่อยากต่าง ๆ มีกิเลสนานาเป็นอารมณ์
ดังนั้น เห็นความเป็นจริงให้ล้ำลึกชัดเจนว่า
เวลาเราเสน่หารูปพรรณเพศตรงข้าม ก็คือเสน่หาใน package ภายนอกเท่านั้น แต่ package นี้ห่อหุ้มกัมมันตภาพอวิชชาอยู่
เวลาเรากอดแพกเกจกาย ย่อมได้รับกัมมันตภาพอวิชชาที่แผ่ออกมาอยู่ตลอดเวลาด้วย
เวลาเราปรุงความอยากความไม่อยากของเรา ทำปฏิกิริยากับความอยากความไม่อยากของเขา ก็คือตัณหาแพร่ระบาดไปหากันและกัน รัดรึงให้เกิดการยึดถือ การดิ้นรนแสวงหา การได้การเสีย ความสุขความทุกข์ ภาระแห่งชีวิต จิตใจตกเป็นทาสถูกจองจำไว้ในความหวง ห่วง หึง
เวลาเกิดความพอใจก็คือเหล่ากิเลสกำลังเต้นระบำ เวลาขัดเคืองกันก็คือเหล่ากิเลสกัดกัน เวลาเสียใจก็คือเหล่ากิเลสบีบเค้นกัน
ทั้งหมดนั้นล้วนเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สรุปแล้วเป็นเพียงมายาที่ปรุงแต่งขึ้นมากันไม่กี่ปี แล้วก็ดับหายไป
คุ้มไหม ที่จะกอดจูบ มายาแห่งแพกเกจที่ห่อหุ้มกัมมันตอวิชชา ปรุงตัณหา เป็นเวทีให้กิเลส บีบเค้นกัน กัดกัน และตายจากกันในที่สุด
หากมีปัญญาใหญ่เพียงพอ ก็ดับเสน่หาเสีย
แต่เมื่อเรายังต้องอยู่ในโลกร่วมกันทำอย่างไร
อยู่กันด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หากทำได้แข็งแรงก็เป็นพรหม เหนือเสน่หาทางเพศ บนพรหมโลกจึงไม่มีเพศ
หากสามารถอีก ยกระดับปัญญา กรุณา สู่ความบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากรูปนามทั้งของตนและคนอื่น เมื่อนั้นเสน่หาทั้งปวงย่อมดับไป อยู่กันด้วยความบริสุทธิ์ล้วน ๆ นั่นคือพระนิพพาน สภาวะสุคโต อมตะ บรมสุข บรมว่าง