Main navigation

จิตเดิมแท้และจิตสุดท้าย

Q ถาม :

เรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับ meditation ของฝรั่ง เขาบอกว่า จิตเดิมแท้คือพุทธะ เราต้องกลับไปที่จิตเดิมแท้

ขอเรียนถามว่า เราจะไปที่จิตเดิมแท้ได้อย่างไรคะ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

วันที่ตรัสรู้แล้ว พระพุทธองค์ทรงตรวจดูความเป็นมาของสิ่งทั้งปวง และทบทวนวิมุตติธรรม ทรงเห็นแจ้งว่า 

เพราะอวิชชามี จึงมีสังขาร (การปรุงแต่งทั้งปวง)

เพราะสังขารมี จึงมีวิญญาณ (ธาตุรู้)

เพราะวิญญาณมี จึงมีนามรูป (ใจกาย)

เพราะนามรูปมี จึงมีสฬายตนะ (ระบบประสาทและมนัสรับรู้)

เพราะสฬายตนะมี จึงมีผัสสะ (การกระทบกับสสารพลังงาน)

เพราะผัสสะมี จึงมีเวทนา (ความรู้สึก)

เพราะเวทนามี จึงมีตัณหา (ความอยากความไม่อยาก)

เพราะตัณหามี จึงมีอุปาทาน (การยึดถือ)

เพราะอุปาทานมี จึงมีภพ (ความเป็นแบบต่าง ๆ)

เพราะภพมี จึงมีชาติ (การอุบัติในความเป็นต่าง ๆ)

เพราะชาติมี จึงมีชรามรณะ (ความเสื่อมความสลาย)

เพราะชรามรณะมี จึงมีทุกข์ (ความทนได้ยาก) โทมนัส (ความเสียใจ) โสกะ (ความแห้งใจ) ปริเทวะ (ความร่ำไรรำพัน)

เป็นอันว่า ทุกข์ทั้งปวงย่อมเกิดขึ้นเพราะกลไกการทำงานของอวิชชาตามกระบวนการนี้ (ปฏิจจสมุปบาทสายเกิด)
 

เมื่อจะดับทุกข์ ก็ดับที่อวิชชาตัวต้นเหตุดั้งเดิม

เพราะอวิชชาดับ สังขาร (การปรุงแต่งทั้งปวง) จึงดับ

เพราะสังขารดับ วิญญาณ (ธาตุรู้) จึงดับ

เพราะวิญญาณดับ นามรูป (ใจกาย) จึงดับ

เพราะนามรูปดับ สฬายตนะ (ระบบประสาทและมนัสรับรู้) จึงดับ

เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะ (การกระทบกับสสารพลังงาน) จึงดับ

เพราะผัสสะดับ เวทนา (ความรู้สึก) จึงดับ

เพราะเวทนาดับ ตัณหา (ความอยากความไม่อยาก) จึงดับ

เพราะตัณหาดับ อุปาทาน (การยึดถือ) จึงดับ

เพราะอุปาทานดับ ภพ (ความเป็นแบบต่าง ๆ) จึงดับ

เพราะภพดับ ชาติ (การอุบัติในความเป็นต่าง ๆ) จึงดับ

เพราะชาติดับ ชรามรณะ (ความเสื่อมความสลาย) จึงดับ

เพราะชรามรณะดับ ทุกข์ (ความทนได้ยาก) โทมนัส (ความเสียใจ) โสกะ (ความแห้งใจ) ปริเทวะ (ความร่ำไรรำพัน) จึงดับ

เป็นอันว่า ทุกข์ทั้งปวงย่อมดับเพราะการดับอวิชชา (ปฏิจจสมุปบาทสายดับ)     

เมื่อดับอวิชชาขาดสูญ เรียกว่าวิมุตติ (หลุดพ้นจากอวิชชาและทุกข์ทั้งปวง)

เมื่อวิมุตติแล้วจึงพบพุทธะ (รู้ตื่นเบิกบาน ณ อมตธาตุ) สภาวะใหม่ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน


เป็นอันว่า

จิตเดิมแท้ คือ อวิชชา

จิตสุดท้าย คือ พุทธะ

แต่หลายคนที่ยังปฏิบัติไม่สุด พอสำรวมอายตนะดี กลับไปที่ใจได้ ก็จะพบพลังและรู้มากมาย จึงเข้าใจผิดว่านั่นคือพุทธะ ยังไม่ใช่ นั่นเป็นเพียงนามแห่งดวงใจ

ต้องทะลุใจไปอีก จึงพบวิญญาณธาตุแสงยิบรู้อยู่

ทะลุวิญญาณไปอีก จึงพบสังขารกลไกการประกอบกัน

ทะลุการปรุงประกอบทั้งหมดไปอีก จึงพบอวิชชา

ทะลุ สลาย ดับอวิชชาไปอีก จึงพบพุทธะ

พุทธะคือสภาวะอมตะ ที่ไม่แปรปรวน หลุดพ้นถาวร บรมสุขในบรมว่างนิรันดร 
     

หยุดคิด แล้วปฏิบัติให้สุด 

เมื่อพบของจริงแล้ว ความสงสัยทั้งปวงจะหายไปสิ้น