Main navigation

เหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์

Q ถาม :

นายบ้านคันธภกะทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ข้าพระองค์เถิด

A พระพุทธเจ้า ตอบ :

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อุรุเวลกัปปะ นิคมของมัลลกษัตริย์ ในมัลลรัฐ ครั้งนั้น นายบ้านนามว่า คันธภกะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ข้าพระองค์เถิด

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกรนายคามณี ก็เราพึงปรารภอดีตกาลแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่านว่า ในอดีตกาลได้มีแล้วอย่างนี้ ความสงสัย ความเคลือบแคลงในข้อนั้นจะพึงมีแก่ท่าน

ถ้าเราปรารภอนาคตกาลแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่านว่า ในอนาคตกาลจักมีอย่างนี้ แม้ในข้อนั้น ความสงสัย ความเคลือบแคลง จะพึงมีแก่ท่าน

อนึ่งเล่า เรานั่งอยู่ ณ ที่นี้แหละ จักแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่านซึ่งนั่งอยู่ที่นี่เหมือนกัน ท่านจงฟังคำนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว

นายคันธภกคามณีทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระดำรัสนี้ว่า

ดูกรนายคามณี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน

ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส และอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน มีอยู่หรือ

มีอยู่ ที่ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เกิดแก่ข้าพระองค์ พระเจ้าข้า

ก็ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ไม่พึงเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน มีอยู่หรือ

มีอยู่ ที่ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ไม่เกิดมีแก่ข้าพระองค์ พระเจ้าข้า

ดูกรนายคามณี อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน

อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ไม่พึงเกิดมีขึ้นแก่ท่าน เพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส และอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ก็เพราะข้าพระองค์มีฉันทราคะในชาวอุรุเวลกัปปนิคมเหล่านั้น

ส่วนความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ไม่พึงเกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ก็เพราะข้าพระองค์ไม่มีฉันทราคะในชาวอุรุเวลกัปปนิคมเหล่านั้น พระเจ้าข้า

ดูกรนายคามณี ท่านจงนำไปซึ่งทุกข์อันใดด้วยธรรมที่เห็นแล้ว ทราบแล้ว บรรลุแล้วโดยไม่ประกอบด้วยกาล หยั่งลงแล้ว ทั้งอดีตและอนาคต

ทุกข์เป็นอดีตกาลอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูลแห่งทุกข์

ทุกข์เป็นอนาคตกาลอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิด จักเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูลแห่งทุกข์

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว พระดำรัสนี้พระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กุมารนามว่าจิรวาสีบุตรของข้าพระองค์ เขาอาศัยอยู่ภายนอกนคร ข้าพระองค์ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ส่งบุรุษไป สั่งว่า แน่ะนาย เจ้าจงไป จงทราบกุมารจิวาสี

บุรุษนั้นยังไม่มาเพียงใด ความกระวนกระวายใจย่อมมีแก่ข้าพระองค์ว่า อะไร ๆ อย่าเบียดเบียนจิรวาสีกุมารเลย ดังนี้ เพียงนั้น

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน

ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะจิรวาสีกุมารตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียนหรือ

นายคามณีตอบว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้เมื่อจิรวาสีกุมารยังมีชีวิตอยู่ ข้าพระองค์ยังมีความกระวนกระวายใจ ไฉนความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส และอุปายาส จักไม่เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์เพราะจิรวาสีกุมารตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียนเล่า พระเจ้าข้า

ดูกรนายคามณี ข้อนั้นพึงทราบโดยปริยายนี้ว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูลแห่งทุกข์

ดูกรนายคามณี  ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน

เมื่อใด ท่านไม่ได้เห็นมารดาของจิรวาสีกุมาร ไม่ได้ฟังเสียง เมื่อนั้น ท่านมีความพอใจ ความกำหนัด หรือความรักในมารดาของจิรวาสีกุมารหรือ

ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า

เพราะอาศัยการเห็นหรือการฟัง ท่านจึงมีความพอใจ ความกำหนัด หรือความรักในมารดาของจิรวาสีกุมารหรือ

อย่างนั้น พระเจ้าข้า

ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน

ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะมารดาของจิรวาสีกุมารตายถูกจำจอง เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียนหรือ

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้เมื่อมารดาของจิรวาสีกุมารมีชีวิตอยู่ ข้าพระองค์พึงมีความกระวนกระวายใจ ไฉนความโศก ความร่ำไร  ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาสจักไม่เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์เพราะมารดาของจิรวาสีกุมารตาย ถูกจองจำ  เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียนเล่า พระเจ้าข้า

ดูกรนายคามณี ท่านพึงทราบความข้อนั้นโดยปริยายนี้ว่า ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์

 

 

 

ที่มา
คันธภกสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘ ข้อที่ ๖๒๗

คำที่เกี่ยวข้อง :

ทุกข์ ตัณหา