Main navigation

ในการบรรลุธรรมเราต้องปฏิบัติธรรมไปตามลำดับหรือไม่

Q ถาม :

อาจารย์คะ ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมวินัยนี้มีการศึกษาโดยลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ ไม่ใช่ว่าจะบรรลุอรหัตตผลโดยทันที เหมือนความลาดลุ่มลึกของมหาสมุทร หมายความว่าเราต้องรักษาศีลให้ได้ก่อนจึงจะเจริญสมถะได้ ต้องได้สมถะก่อนจึงเจริญวิปัสสนาได้ใช่ไหมคะ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

ในกระบวนการวิวัฒนาการตลอดกาลอันยาวนาน ต้องศึกษา ปฏิบัติโดยลำดับตามที่พระพุทธองค์ตรัส

แต่ในชาติสุดท้ายที่จะบรรลุธรรมได้ แสดงว่ามีพื้นฐานโดยลำดับมาพอสมควรแล้ว จะเริ่มปฏิบัติจากองค์ธรรมใดก่อนก็ได้

ท่านองคุลีมาล กำลังพยายามจะปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า สั่งให้พระพุทธเจ้าหยุดเพื่อตนจะประหารได้ พระพุทธองค์ทรงกระชากจิตสำนึกว่า "เราหยุดแล้ว แต่ท่านสิยังไม่หยุด" "เราหยุดจากการฆ่าและการเบียดเบียนทั้งปวงแล้ว" องคุลีมาลเกิดสำนึก วางศาสตรา สิโรราบ ยอม ศรัทธา และตั้งมั่นในศีล ถวายตนเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า นั่นเริ่มจากศีลก่อน แล้วได้สติ จิตที่พลุ่งพล่านสงบลงเป็นสมาธิ มีปัญญานิดหน่อย ก็บรรลุธรรมได้ สำเร็จเป็นพระโสดาบัน

มานพทั้งสิบหกในโสฬสปัญหา ฝึกสมาธิกับพราหมณ์พาวรีผู้เป็นอาจารย์อย่างเอกอุได้อรูปฌานกันแล้วโดยมาก พราหมณ์ส่งมาทูลถามปัญหาพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงแสดง จิตใจ อรูป และการปล่อยวางเป็นหลัก ก็บรรลุธรรมกันทุกท่าน เป็นพระอรหันต์ ๑๕ ท่าน เป็นโสดาบัน ๑ ท่าน นั่นเริ่มจากสมาธิก่อน แล้วได้ปัญญา และวิราคะตามมา ก็บรรลุธรรมได้

ท่านพระสารีบุตร บำเพ็ญปัญญาบารมีโดยสร้างพระไตรปิฎกมามากในอดีต ฟังธรรมจากพระอัสสชิบทเดียวว่า "พระศาสดาทรงสอนว่า ธรรมใดเกิดแต่เหตุ เมื่อจะดับให้ดับที่เหตุแห่งธรรมนั้น" บรรลุโสดาบันเลย นั่นวิปัสสนานำหน้า อีกสิบห้าวันต่อมา ฟังพระพุทธเจ้าสอนฑีฆนขะว่า "สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนาทั้งปวง ท่านไม่พึงยึดมั่นถือมั่น" ได้ยินแล้วน้อมใจตามทันที นั่นวิราคะหรือปล่อยวางนำหน้า สำเร็จอรหันต์เลย

ท่านพาหิยะ เคยอุทิศชีวิตเพื่อการบรรลุธรรมมาก่อนในอดีตชาติ แต่ตายไปโดยยังไม่ได้บรรลุธรรม พอพบพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงสอนว่า "เมื่อเธอเห็น พึงสักว่าเห็น เมื่อเธอได้ยิน พึงสักว่าได้ยิน เมื่อเธอรู้ พึงสักว่ารู้ ไม่ใส่ใจโดยพยัญชนะ และอนุพยัญชนะอยู่เถิด" ท่านพาหิยะน้อมจิตตาม ตัดสมมติทั้งปวง บรรลุธรรมรวดเดียวถึงอรหันต์เลย ด้วยอานุภาพของวิราคะ ปล่อยวางสมมติจึงถึงวิมุตติทันที นี่ปฏิบัติวิราคะนำ

ท่านพระราหุล เป็นสามเณรองค์แรกในพระศาสนา จึงเป็นที่เอ็นดูของพระเถระทั้งหลายมาก ท่านเณรราหุลจึงปฏิบัติหลายกรรมฐานจากหลายอาจารย์ ทั้งจากพระพุทธเจ้า จากพระสารีบุตร จากพระโมคคัลานะ จากพระมหากัสสปะ จากพระอานนท์ และท่านอื่น ๆ อีก ท่านจึงปฏิบัติกรรมฐานเกือบทุกวิธีที่มีปฏิบัติในพระศาสนาสมัยพุทธกาล เป็นการปฏิบัติโดยลำดับ ศีล สติ สมถะ วิปัสสนา วิราคะ แล้วก็ค่อย ๆ บรรลุธรรมโดยลำดับ จากโสดาบัน อีกหลายปีก็บรรลุสกทาคามี อีกหลายปีก็บรรลุอนาคามี อีกหลายปีก็บรรลุอรหันต์ในที่สุด เหตุที่ท่านต้องปฏิบัติเยอะ และค่อย ๆ บรรลุธรรมเพราะเมื่อบรรลุแล้ว ท่านมีธรรมกิจที่ต้องไปเป็นพระอาจารย์ประจำอยู่บนสวรรค์ สอนเทวดาทั้งหลายซึ่งมีจิตหลากหลายมาก ท่านจึงต้องแตกฉานในจิตในธรรมมาก จึงต้องปฏิบัติเกือบทุกกรรมฐาน เพื่อความรอบรู้แห่งจิต

ดังนั้น การปฏิบัติธรรมจะเริ่มจาก ศีล หรือสมถะ หรือวิปัสสนา หรือวิราคะ ก่อนก็ได้ แต่เริ่มตรงนั้นแล้วให้ได้กลไกที่เหลือตามมา ก็บรรลุธรรมได้ 

ในสามัญญผลสูตร คือกระบวนการปฏิบัติโดยลำดับ ตั้งแต่ ศีล สติ สมถะ วิปัสสนา วิราคะ การปฏิบัติแบบนี้เข้าฌานก่อนแล้วจึงวิปัสสนา

ในโพชฌงคสูตร ให้วิปัสสนาก่อนด้วยสติ ธัมมวิจัย แล้วเจริญวิริยะคือการชำระศีลและคุณธรรม แล้วเข้าสมถะ คือปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา 

ในอัฏฐกนาครสูตร ระบุว่า การบรรลุธรรมต้องบรรลุในฌานเท่านั้น การบรรลุธรรมนอกฌานไม่มี  ดังนั้น ศีล สติ สมาธิ ปัญญา วิราคะ ต้องทำงานพร้อมจึงบรรลุธรรม แต่การเริ่มต้น จะเริ่มตรงไหนก่อนก็ได้ เพราะจิตคุณธรรมจะสังคหะ สานสร้างร่วมงานต่อเนื่องกัน เหมือนปฏิกริยาลูกโซ่

ส่วนการบรรลุอริยผลนั้น จะลาดลุ่มลึกโดยลำดับ คือ บรรลุโสดาบัน แล้วบรรลุสกทาคามี แล้วบรรลุอนาคามี แล้วบรรลุอรหันต์ ไม่กระโดดข้ามขั้น แต่ระยะเวลาตามลำดับของแต่ละท่านไม่เท่ากัน 

บางท่านบรรลุรวดเดียวสี่ขั้นต่อเนื่องเลย เช่น ท่านพระพาหิยะ และมานพทั้งสิบห้า เป็นต้น  

บางท่านบรรลุขั้นต้นไว้ก่อน พอขั้นสอง สาม สี่ บรรลุรวดเดียวเลย เช่น ท่านพระสารีบุตร ท่านพระองคุลีมาล เป็นต้น 

บางท่านเพียรปฏิบัติโดยลำดับ แล้วค่อย ๆ บรรลุธรรมไปทีละขั้นโดยลำดับ เช่น ท่านพระราหุล เป็นต้น

โดยสรุป

ปฏิบัติให้เหมาะกับภาวะจิตของตน ณ ขณะนั้น การบรรลุธรรมเป็นผลตามมา ผันตามกรรมฐาน ประเภทบุญบารมี อัธยาศัย อธิษฐานธรรม และธรรมกิจที่ต้องสงเคราะห์หลังบรรลุธรรม