Main navigation

สัญญาและตัวตน

Q ถาม :

กราบเรียนท่านอาจารย์ครับ ผมไม่แน่ใจอีกแล้วครับวันนี้ คือการใช้ความคิดของผมคิดไปเองหรือเปล่า สิ่งที่ผมมองเห็นกับคนที่ผมพบเจอรอบตัว พออายุมากขึ้น ส่วนใหญ่แล้วคนเราจะมีประสบการณ์มาตั้งแต่เด็ก เป็นการเก็บสะสมตัวตน คนที่ประสบความสำเร็จทางโลกก็ยิ่งมีตัวตนเยอะ ส่วนคนไม่ประสบความสำเร็จก็มีตัวตนอีกแบบนึง ผมชักเริ่มเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวผสมกับความน่าเกลียด ตรงนี้ชัดเลยว่าคือคำว่าอัตตา และเห็นข้อเสียหลายด้านของคำว่าประสบการณ์ครับ

ทุก ๆ เช้าวันใหม่ในตอนนี้ผมพยายามเฝ้าบอกกับตัวเองว่า มันเป็นการเริ่มต้นใหม่ ผมขอเอาทุกสิ่งทุกอย่างในจิตใจไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีล้างออกไปก่อนครับ ไม่อยากมีการสะสมอะไรแล้ว มิฉะนั้นแล้วผมก็จะไม่เจอสิ่งใหม่ ๆ แต่ก็ล้างออกไม่หมดนะครับ เพราะเราก็ยังมีเราอยู่นั่นแหละครับ ใจหนึ่งผมจึงคิดว่าการที่คนเรานั้นเป็นน้ำเต็มแก้วมันไม่ดีอยู่แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าถึงจะเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว มันก็ยังมีแก้วและน้ำเก่าอยู่ ตอนนี้ทำให้ผมพยายามไม่มีทั้งแก้วแล้วไม่มีทั้งน้ำครับ แต่ยังยากอยู่สำหรับผมมากครับ ซึ่งตรงนี้น่าจะคล้ายกับคำว่า purify จิตที่ท่านอาจารย์สอนหรือไม่ครับ

จึงกราบเรียนท่านอาจารย์ ขอความเมตตาชี้แนะว่าผมมาถูกทางแล้วหรือไม่ครับ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

สัญญาเป็นที่รวมของกรรม กิเลส ตัณหา อวิชชา ปัญญา คุณธรรม เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดสังขาร (ยีนกำหนดลักษณะกาย ความหมายกำหนดลักษณะวาจา เจตนากำหนดการกระทำ ความเคยชินกำหนดพฤติกรรม นิสัยกำหนด character) ทั้งความคิด อารมณ์ และกรรมใหม่ต่อเนื่อง เป็นกลไกการปรุงแต่งหลักในใจของสัตว์โลก 

เมื่อการปรุงแต่งนั้นรวมศูนย์ และวนเวียนรอบศูนย์กลาง ก็ก่อตัวเป็นตัวตน

ดังนั้น 

1. หากยังปล่อยวางสัญญาไม่ได้ ให้ปรับสัญญาให้เป็นกลางทั้งหมด โดย

สรุปทุกสัญญาให้เป็นสัจธรรม

สรุปทุกปรากฏการณ์ให้เป็นปัญญา

เมื่อสัญญามีสภาพเป็นกลาง จะไม่พลิ้วปรุงแต่ง แต่จะสงบเป็น data asset ให้เรียกมาใช้ยามต้องการเฉย ๆ

2. พิจารณาเนือง ๆ ว่า สัญญาเป็นแค่ ๑) รหัสไฟฟ้าในสมอง ๒) รหัสแสงในใจ เกิดแล้วดับไป ไม่มีส่วนใด ๆ เป็นตนเลย สัญญาก็จะไม่ condense หล่อหลอมเป็นตน

3. เมื่อใดถึงอนาคามีแล้ว สามารถดับสัญญาสนิทไปพร้อมอทุกขมสุขเวทนาได้ เข้านิโรธสมาบัติ เป็นที่พักสัมบูรณ์จากพฤติและนิสัยแห่งสัตว์โลก

4. เมื่อวิปัสสนาสัญญาโดยความไม่เป็นตน ปล่อยวางเนือง ๆ จนจิตเป็นอิสระจากขันธ์ เมื่อนั้นขันธ์ทั้งหลายจะหมดอิทธิพล ไม่อาจปรุงแต่งใด ๆ ได้อีก รอวันดับตามกาล

เหลือแต่พุทธะ ณ พระนิพพาน ที่สุขอย่างยิ่ง ว่างอย่างยิ่ง