Main navigation

แนวทางการลงทุนในภาวะวิกฤติ

Q ถาม :

สิ่งที่ท่านอาจารย์พูดเป็นจริงทุกอย่างเลยค่ะ วิกฤตินี้ทุกคนล้วนสะบักสะบอม ตอนนี้ยังสาละวนกับการแก้ปัญหาการลงทุนต่าง ๆ อยู่ ช่วงนี้มีอะไรที่พวกเราควรเรียนรู้ ใส่ใจ และนำไปใช้เป็นแนวทางต่อไปบ้างคะ แล้วท่านอาจารย์ประสบปัญหาอะไรไหมคะ และแก้ปัญหาอย่างไรคะ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

ปรากฏการณ์จริงช่วงนี้ยืนยันสิ่งที่ผมสอน Happy Investment ได้ดี ถึงเวลาอันควร พวกเราจะได้เรียนรู้จากของจริง เตือนตัวเองไว้ และไม่พลาดอีก จัดระบบใหม่ให้อยู่ใน safe zone

บทเรียนที่ 1 : Invest for harvest เสมอ 

สิ่งต่าง ๆ ในโลกเป็นอนิจจัง เราต้องบริหารอนิจจังอย่างอนิจจัง ด้วยการ invest for harvest  

อย่าบริหารอนิจจังอย่างนิจจัง (หวังความยั่งยืนในสิ่งที่ไม่ยั่งยืน) โดย invest อย่างเดียว ไม่ยอม harvest เลย นั่นผิดสัจธรรมและผิดเป้าหมายที่แท้จริงของการลงทุน

ผลของการ invest โดยไม่ harvest เป็นดั่งกองทุนทั้งหลายในโลกขณะนี้ ลงทุนแช่จนพอร์ตขาดทุนกันระนาว

กองทุนทั้งหลายไม่ใช่กูรูในการลงทุน เป็นเพียงผู้หากินกับการลงทุนของผู้ไม่รู้หรือผู้ไม่มีเวลา ที่ยอมเอาเงินมาฝากให้เขาดูแลเท่านั้น

ดังนั้น การลงทุนในกองทุนก็ต้อง harvest เช่นกัน

ปัญหาส่วนใหญ่ของพวกเรา คือ กล้า invest แต่ไม่กล้า harvest พืชพันธุ์จึงแห้งเหี่ยวไปตามฤดูกาล

กูรูการลงทุนจริง ๆ ในโลก ล้วนบริหารการลงทุนด้วยตนเอง

บทเรียน 2 : Bank ไม่ว่าใหญ่หรือน้อย เป็นสถาบันที่เชื่อไม่ได้ในการลงทุน

เพราะ bank จะสร้างนวัตกรรมการลงทุนต่าง ๆ นานา มาดูดเงินผู้อื่นมาอยู่ในพอร์ตตน เมื่อได้เงินมาง่าย ก็บริหารอย่างสุรุ่ยสุร่าย ปรนเปรอกันเอง จนเป็นเหตุให้เกิดวิกฤติการเงินหลายระลอกในโลก หลายครั้ง bank เป็นต้นเหตุโดยตรง ที่เหลือ bank เป็นผู้มีส่วนร่วมโดยการปล่อยกู้ธุรกิจบางกลุ่มไปสร้างอาณาจักรธุรกิจใหญ่โตเกินกำลังจนพัง และมีผลเป็นโดมิโนวิกฤติ

Swiss banks ซึ่งเคยชื่อว่ามั่นคงเชื่อถือได้มากที่สุดในโลกก็ขาดทุนหนัก ธนาคารเครดิตสวิสประกาศให้หุ้นกู้ coco bond ของตนที่แบงค์อื่น บริษัท และบุคคลทั้งหลายซื้อไป มีมูลค่าเป็น 0 (default = ชักดาบ) ต้องควบรวมกิจการกับ UBS เพื่อความอยู่รอด หลายกองทุนของทุนแบงค์ไทยที่ไปลงทุนก็หนี้สูญโดยทันใด บางแบงค์ในยุโรปต้องขายหุ้นเพิ่มทุนหนีตายกันจ้าละหวั่น 

ดังนั้น อย่าหลงแบงค์ แม้จะใหญ่ระดับโลกก็ตาม ต้องใช้วิจารณญาณของตัวเองเป็นสำคัญ

บทเรียน 3 : Broker ทั้งหลายไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางการลงทุน

เพราะ broker เป็นผู้ให้บริการซื้อขาย และได้ commission จากการซื้อขายแต่ละครั้ง เพื่อกระตุ้นให้มีการซื้อขายบ่อย (รายได้ Broker เพิ่ม) จึงให้บริการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เช่น ภาวะตลาด การวิเคราะห์หุ้น (ถูกบ้างผิดบ้าง) เป็นต้น

ดังนั้น อย่าเชื่อเจ้าหน้าที่ broker เป็นอันขาด ต้องใช้วิจารณญาณของตัวเองเป็นสำคัญ

บทเรียน 4 : Insider แม้รู้ข้อมูลภายในจริงแต่เชื่อตามไม่ได้

ครั้งหนึ่ง ผู้บริหารระดับสูงบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง แนะนำด้วยความหวังดี ให้ซื้อหุ้นบริษัทเขาเพิ่ม เดี๋ยวพวกเขาจะทำให้หุ้นขึ้นไปสูงกว่า 100 บาท ตัวเขาเองก็ซื้อหุ้นบริษัทตัวเองเพิ่ม ตอนนั้นอยู่ที่ 75 บาท

ผมบอกไม่ซื้อเพิ่มแล้ว เดี๋ยว 80 บาท จะขายแล้ว แล้วผมก็ขายส่วนใหญ่ไปที่ 80 บาท เก็บส่วนกำไรเป็นหุ้นไว้บ้างเพื่อกินปันผล (ต้นทุนผมอยู่ที่ 42 บาท) 

ปรากฏว่าหุ้นขึ้นไปถึง 86 บาท จากนั้นก็ค่อย ๆ ลงมาหลายระลอก มาอยู่ที่ 56 บาท ปัจจุบันอยู่ที่ 60 บาทกว่า insider เองก็ขาดทุน

ดังนั้นอย่าเชื่อ insider เป็นอันขาด จงเชื่อ sense ของตัวเอง

บทเรียน 5 : อย่าเชื่อมั่นในนโยบายธนาคารกลางทั้งหลาย

วิกฤติต้มยำกุ้งเกิดขึ้นเพราะนโยบายการเงินที่ผิดพลาดของธนาคารแห่งประเทศไทยในสมัยนั้น

ช่วงวิกฤติ covid, FED ไม่ต้องการให้เศรษฐกิจทรุด จึงฉีดเงินเข้าไปในระบบเป็นจำนวนมาก อุ้มซื้อบอนด์ของแบงค์และบริษัทต่าง ๆ ในอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก บริษัทต่าง ๆ ได้เงินมาง่าย ๆ ราคาถูก ๆ จึงเอาไปลงทุนในตลาดทุน ทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาก ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ก็แห่ทำตาม FED กันทั่วโลก

ผมเคยสอนในธรรมทายาทที่ lion ช่วงนั้นว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เงินเฟ้อพุ่ง เกิด monetary bubble (เงินล้นระบบ) ราคาหุ้นทะยานเกินมูลค่าที่แท้จริงเพราะเป็น demand เทียม เกิน demand จริง เพราะ FED และธนาคารกลางทั้งหลายไม่เข้าใจและไม่ยอมรับสัจธรรมแห่งอนิจจัง ฝืนสัจธรรม

ในที่สุดเมื่อเงินเฟ้อ ตลาดเงิน ตลาดทุน กลายเป็นฟองสบู่และไปป่องอยู่ในระดับแบงค์และบริษัท ประชาชนก็เดือดร้อน กำลังซื้อของประชาชนก็ลดลง รายได้ของบริษัทต่าง ๆ ก็น้อยลง จน FED ต้องขึ้นดอกเบี้ยมาหลายระลอก และดึงเงินกู้ที่ปล่อยให้แบงค์และบริษัทใหญ่ ๆ กลับคืน Bank บริษัทต่าง ๆ ที่ขายบอนด์ให้ FED ก็เริ่มเดือดร้อน

Bank ขนาดเล็กของอเมริกาขาดทุนหนัก ถูกสั่งปิดไป 2 แบงค์ อยู่ในความเสี่ยงอีก 8 แบงค์เล็ก บริษัทใหญ่เก่าแก่ปิดกิจการไปจำนวนมาก บริษัทยักษ์ใหญ่ลดสาขา ปลดคนออกจำนวนมาก ตลาดหุ้นร่วงหนัก เจ็บตัวกันไปทั่ว

นี่เพราะ FED และธนาคารกลางทั่วโลก ไม่รู้จักสัจธรรม ไม่ยอมรับความจริง พยายามฝืนบิดจนผิดธรรมชาติ

ดังนั้น อย่าเชื่อ FED และธนาคารกลางทั้งหลาย จงเชื่อวิจารณญาณของตัวเอง

บทเรียนที่ 6 : Crypto คือคุณค่าเทียม

ใน investment ผมสอนแล้วว่า crypto currency ไม่ใช่คุณค่าแท้ แต่เป็นคุณค่าเทียมที่อุปโลกน์กันขึ้นมา แล้วเมื่อมีคนเชื่อตามจึงเริ่มมีราคา (ไม่ใช่มีคุณค่า) เมื่อเริ่มมีราคาจึงมีคนพยายามทำกำไร เมื่อมีคนได้กำไร จึงกระตุ้นต่อมความโลภของผู้มีความโลภทั้งหลาย ราคาจึงทะยานขึ้น ตอนนั้นอยู่ที่ 40,000++ USD. ผมบอกแล้วว่ายังไงก็ต้องลง เพราะความที่ไม่มีคุณค่าที่แท้จริงด้วย และเพราะฟองสบู่จะต้องแตกเพราะฝีมือ FED ด้วย แต่พวกเราบางคนก็ยับยั้งความโลภไม่อยู่ เห็นราคาขึ้นไปอีกก็เข้าไปซื้อ ในที่สุดราคาก็ตกลงมาอยู่ 10,000-20,000 กว่าเหรียญ

ใครเข้าไปในช่วงนั้น ก็ต้องเสียค่าโลภะ + โมหะไป เพราะดื้อรั้นเอง

ดังนั้น อย่าเชื่อถือสิ่งที่ไม่มีคุณค่าจริงในตัวเอง เพราะสิ่งนั้นเป็นมายาทั้งแท่ง หากอยากเล่นเพื่อประสบการณ์ ต้องอ่านเกมราคาระยะยาวให้ออก (วันนั้นก็ให้ดูกราฟ all time แล้ว) อย่าเห่อตามสถานการณ์ จะถูกสถานการณ์เผาไหม้เอา

จงแสวงหาสิ่งที่มี real value ในตัวให้เจอ แม้จะมีน้อยนิดในโลก และไม่มีอะไรเป็น perfect value เลย

บทเรียนที่ 7 : ข้อมูลคือความจริงแห่งอดีต ไม่ใช่ความจริงแห่งอนาคต

อนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยแห่งอนาคต การเอาข้อมูลแห่งอดีตไปวินิจฉัยอนาคต แม้จะดูเป็นโครงสร้างดี แต่ก็เป็นเพียงความคาดเดา ค่าความแม่นยำต่ำ

ควรเชื่อ sense ของตัวเอง ซึ่ง sense จะปรากฏเมื่อจิตเป็นอิสระจากข้อมูล

บทเรียนที่ 8 : อย่าเชื่อเพื่อน แม้จะหวังดีจริง

เพราะจริง ๆ แล้วเพื่อนก็ยังลองผิดลองถูกอยู่ สำเร็จบ้างล้มเหลวบ้าง หากเขาเก่งจริง เขาก็ไปเป็นกูรูแล้ว กระนั้น แม้กูรูระดับโลกก็ยังมีพลาดบ้าง เพียงแต่ถูกมากกว่าผิดเท่านั้น

จงหาสัจธรรมแห่งการลงทุนให้เจอ แล้วออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเอง

บทเรียนที่ 9 : แม้เราจะจริงใจต่อตนเองมากที่สุด แต่อย่าเชื่อตนเองทั้งหมด เพราะในตัวแต่ละคน ก็มีกิเลส อวิชชา กรรม ปัญญา ปะปนอยู่ด้วยกันอยู่

หากโลภะออกมาทำงาน หยุดทันที อย่าตาม วิปัสสนาดับโลภะให้ได้ก่อน

หากโมหะออกมาทำงาน (หมกมุ่นยึดถือตัวใดตัวหนึ่ง) ออกมาทำงาน หยุดทันที อย่าตาม วิปัสสนาดับโมหะให้ได้ก่อน

หากโทสะออกมาทำงาน (ไม้นี้ทำให้ฉันเสีย ฉันจะเอาคืนให้มากกว่า) ออกมาทำงาน หยุดทันที อย่าตาม วิปัสสนาดับโทสะให้ได้ก่อน

หากอวิชชาออกมาทำงาน (ไม่รู้รายละเอียดอะไร แต่เขาบอกมาว่าดี) ออกมาทำงาน หยุดทันที อย่าตาม วิปัสสนาดับอวิชชาให้ได้ก่อน

หากความฟุ้งซ่าน (คิดวิเคราะห์จนยุ่งเหยิง) ออกมาทำงาน หยุดทันที อย่าตาม วิปัสสนาดับความฟุ้งซ่านให้ได้ก่อน การวิ่งตามความฟุ้งซ่านจะไม่ได้ sense

หากกรรมออกมาทำงาน (วิเคราะห์อย่างดีแต่ก็ขาดทุนทุกที) ออกมาทำงาน หยุดทันที อย่าตาม จนกว่ากรรมจะคลาย พักผ่อนไปทำบุญซะบ้าง

หากปัญญาออกมาทำงาน (เข้าใจคุณค่าชัด เข้าใจผลระยะยาว) ออกมาทำงาน ค่อย ๆ พิจารณาเข้า-ออก at the right time และอย่าบุ่มบ่ามลงเยอะ ลงเพื่อการเรียนรู้ เรียนรู้จนสรุปหลักการได้ เอาหลักการมาออกแบบกลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเอง แล้วค่อย ๆ เพิ่มพอร์ต

หาก sense (เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นใสแจ๋วแจ่มชัด) ออกมาทำงาน ก็ปฏิบัติตาม sense     

บทเรียนที่ 10 : พอร์ตของผมยังสวยงาม ไม่มีปัญหาใด ๆ เลย เป็นพอร์ตที่ yield สูง safety สูง happiness สูง จึงไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องแก้เลย

ทำไมพอร์ตผมจึงสวยงาม เพราะซื้อกิจการที่ดี (the right choice) ในช่วงราคาถูก (at the right chance) เมื่อราคาขึ้นไปพอควร ก็ขายเอาต้นทุน + กำไรนิดหน่อยออกมาเป็น cash เพื่อเป็นทุนต่อไป เหลือกำไรบางส่วนเป็นหุ้นไว้

ทำไมพอร์ตผมจึง yield สูง เพราะได้เงินคืนมาแล้ว หุ้นส่วนกำไรก็ยังคงอยู่ และสลับกันทำ capital gain ขึ้นอีก และเกือบทั้งหมดทำ dividend ให้ทุกปี ผมมีหุ้นอยู่หลายร้อยตัวใน 9 ประเทศ แม้ไม่มาก แต่ทุกตัวล้วนทำหน้าที่ผลิต income ให้ต่อเนื่อง yield จึงเพิ่มขึ้นทุกปี

ทำไมพอร์ตผมจึง safety สูง เพราะหุ้นส่วนที่เป็นกำไร ไม่มีต้นทุนอยู่ในนั้น จึงไม่มีโอกาสขาดทุนเลย ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพียงกำไรพองยุบ พองยุบ บ้างเท่านั้น แต่อย่างไรก็คือกำไรล้วน ๆ

ทำไมพอร์ตผมจึง happiness สูง เพราะผมจะดูเมื่อไรก็ได้ ไม่ดูเมื่อไรก็ได้ ไม่ต้องคอยเป็นทาสสถานการณ์ นึกถึงพอร์ตทีไร ก็เห็นภาพลูก ๆ (บริษัทต่าง ๆ) กำลังทำงานให้อยู่โดยเราไม่ต้องดูแลหรือแลดู โอนเงินเข้ามูลนิธิถวายพระพุทธเจ้าทุกวัน ทำงานถวายพระพุทธเจ้าได้เต็มที่อย่างสบายใจ ปฏิบัติธรรมไร้ห่วงกังวล ทำจิตให้เป็นสุข หมดจด และถวายพระพุทธเจ้าเต็มที่ Happy จึงเรียกว่า happy investment

So ง่าย ๆ แค่นี้เอง ไม่มีอะไรซับซ้อน


  
   
   

ที่มา
26 March 2023