Main navigation

กามเกิดขึ้นได้อย่างไรและจะดับกามได้อย่างไร

Q ถาม :

ท่านอาจารย์ครับ ที่ซิกมันด์ ฟรอยด์ เชื่อว่ากามเป็นพลังจิตใต้สำนึกขับดันให้ชีวิตเคลื่อนไป แต่ผมนึกถึงตัวเองตอนเด็ก เราก็ไม่มีกาม แต่ชีวิตก็ขับเคลื่อนไป กามเพิ่งมีตอนวัยรุ่น มีแล้วชีวิตจึงวุ่นวาย จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า กามเกิดมาจากไหนครับ ไม่มีแล้วมีขึ้นมาได้อย่างไร และจะดับกามได้อย่างไร หากดับกามได้ โลกคงสงบสุขอีกแบบเลยครับ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

ซีคมุนท์ ฟร็อยท์ วิเคราะห์จิตตัวเอง พบว่า กามเกิดจากความรักแม่ เลยทำให้รักหญิงอื่น ๆ เพราะเข้าใจว่าจะเหมือนแม่ หากเป็นหญิงก็เกิดจากความรักพ่อ จึงรักชายอื่นที่คาดว่าจะรักตนเหมือนพ่อ ฝรั่งพอรักแล้วก็หมายถึงต้องมีพิศวาสกัน นั่นคือทฤษฎีของฟร็อยท์

แต่ความจริงแห่งกาม มีบริบทที่ซับซ้อนกว่านั้นอีกมาก คือ

1. มนุษย์เกิดมาในกามาวจรภูมิ มีกามเป็นบรรยากาศปกติ 

2. การเกิดเป็นผลผลิตจากกามของพ่อแม่ จึงมีสัญชาตญาณกามเพื่อการสืบพันธุ์ติดก้านสมองมาด้วย

3. อวัยวะเพศเป็นตัวให้ต่างเพศอยากค้นหาความแตกต่างในอีกเพศหนึ่ง เมื่อหาเจอแล้วก็อยากรู้อยากลอง

4. ฮอร์โมนเพศที่หลั่งช่วงวัยรุ่น กระตุ้นให้เกิดความอยากและการแสวงหา

5. อาหารบำรุงกามให้มีกำลังแข็งแรง

6. การเพ่งพินิจเป็นจุดดึงจิตให้จดจ่อหมกมุ่นวนเวียน

7. จินตนาการเป็นตัววาดหวังอนาคตหลอกล่อ

8. กรรมเก่าเป็นตัวเหนี่ยวรั้งให้เข้าหากัน

9. ความใกล้ชิดเป็นตัวหลอมละลายกำแพงระหว่างกัน

10. การเสพสมเป็นตัวผูกมัดรัดรึงอารมณ์

11. อารมณ์ผูกมัดรัดรึงก่อให้เกิดความเป็นเจ้าของ

12. ความรู้สึกเป็นเจ้าของทำให้เกิดความหวง ห่วง หึง

13. เมื่อจังหวะไข่และสเปิร์มสุกงอมพอดี ก็สร้างผลผลิตใหม่

14. ลูกทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมสิ้นเชิง 

15. ลูกคือการเริ่มต้นวงจรกามใหม่อีก ๑ วงจร

16. เมื่อวงจรกาม ๒ หรือ ๓ วงจรทับซ้อนกัน ย่อมเกิดภัยเพราะความสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัว แม้สงครามใหญ่ด้วยเหตุแห่งกามก็เคยเกิดมาแล้วในโลก เช่น สงครามมหาภารตะ สงครามกรุงทรอย สงครามคลีโอพัตรา เป็นต้น

17. ชีวิตในกามาวจรภูมิจึงเหนื่อยยาก ทำมาหากินด้วย ทำมาหากามด้วย ทำมาหาเกียรติด้วย เป็นชีวิตที่ภาระเยอะ ความกักขฬะสูง ความเป็นผู้ดีต่ำ วุ่นวายมาก ความสงบสุขน้อย ประโยชน์ต่ำ อนิจจังสูง ความเสถียรต่ำ 

จึงมีผู้เบื่อหน่ายในกาม พยายามยกชีวิตจิตใจให้สูงกว่ากาม ซึ่งมีผู้ทำได้สำเร็จ ๒ จำพวก คือ พรหม และพระอรหันต์

พรหม

1. พรหม เป็นพวกไม่ให้ความสำคัญกับร่างกาย แต่ให้ความสำคัญกับจิตใจ มุ่งพัฒนาจิตใจให้ประเสริฐและมีกำลัง

2. ความสัมพันธ์ระหว่างพรหม เป็นความสัมพันธ์ระหว่างใจกับใจ ล้วนเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาต่อกัน ไม่มีการเสพกามใด ๆ เรียกว่า พรหมประพฤติพรหมจรรย์ แม้มีร่างกายอยู่แต่สงัดจากกามสิ้นเชิง เรียกรูปพรหม

3. พรหมบางจำพวก เจาะเข้าไปในจิต สงบสุขอยู่ในจิตตนเอง ไม่ปรุงแต่งใด ๆ ตั้งมั่นอยู่เช่นนั้น เรียกอรูปพรหม

4. พรหมจึงไม่มีเพศ อยู่สูงกว่าสวรรค์ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของจักรวาล

5. เมื่อละกามได้ขาด พลังจึงไม่รั่วไหลออก จึงมีกำลังภายในตนมาก มีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก เนรมิตได้สารพัดสิ่ง จนทั้งเทวดาและมนุษย์บูชา

กระนั้น ข้อเสียของพรหม คือ เมื่อมาเกิดในกามาวจรภูมิใหม่ ต้องมาสู่วงจรกามใหม่ หากเผลอเพลินไป ก็ตกหล่มได้อีก ต้องดิ้นรนประพฤติพรหมจรรย์ตะกายขึ้นจากหล่มกามใหม่ 

พระอรหันต์

พระอรหันต์มิเพียงต้องการออกจากกามเท่านั้น แต่ต้องการออกจากภพภูมิทั้งหมด โดย

1. เจริญอสุภะกรรมฐาน เห็นกายทั้งปวงตั้งแต่ต้น (เกิด) จนจบ (ตาย) และสภาพสลายต่อเนื่อง (decomposition) แล้วดับกามในกายทั้งปวงสิ้นเชิงถาวร ชนิดไม่อาจกำเริบได้อีก ไม่ว่ากาลไหน ๆ

2. เจริญศีล เว้นขาดการเบียดเบียนตนเพื่อผู้อื่น เว้นขาดการเบียดเบียนคนอื่นเพื่อตน เว้นขาดการเบียดเบียนคนหนึ่งเพื่ออีกคนหนึ่ง

3. เจริญสติ ดับความยึดมั่นถือมั่น ในกาย เวทนา จิต ธรรม และในโลก

4. เจริญสมาธิ ไม่เสพโลก จิตตั้งมั่นอยู่กับจิต ปราศจากการปรุงแต่งสิ้นเชิง จนจิตสว่างไสว ผ่องใสตามธรรมชาติแท้ ๆ ของจิต

5. เจริญปัญญา จนแจ่มแจ้งสัจธรรม ความไม่เที่ยงของสิ่งที่ถูกปรุงแต่งมาทั้งปวง (สัพเพสังขารา อนิจจา) เห็นความเป็นทุกข์ของผลการปรุงแต่งทั้งปวง (สัพเพสังขารา ทุกขา) เห็นว่าแท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรเป็นตนแท้จริง (สัพเพธัมมา อนัตตาติ) เห็นแล้วก็ยอมรับความจริง จึงดับการยึดถือเกาะเกี่ยวใด ๆ

6. เมื่อ ปล่อยวางการปรุงแต่งและการยึดถือที่ลึกที่สุดในจิตได้ อวิชชาก็ดับสูญ เมื่ออวิชชาดับ ภพชาติและการเกิดทั้งปวงก็ดับ ปรากฏสิ่งใหม่ขึ้น เรียกว่า "พุทธะ" เป็น "รู้ ตื่น เบิกบาน"

7. พุทธะ ทั้งหมดเป็นวิสุทธิเทพ อมตะอยู่ ณ พระนิพพานอันบรมว่าง บรมสุข

เลือกเอา จะมั่วต่อไปในกามาวจร หรือจะยกภูมิขึ้นพรหม หรือจะ purify จิตสู่ความเป็นพุทธะ อมตะ บรมสุข
 

 

ที่มา
31 March 2023

คำที่เกี่ยวข้อง :

กาม ตัณหา ความดับ พุทธะ