Main navigation

การไหว้เทพเจ้ากับการปฏิบัติธรรม

Q ถาม :

เวลาตรุษจีนไปไหว้เจ้าตามที่ต่าง ๆ เช่น วัดมังกร เจ้าพ่อเห้งเจีย หรือไหว้ทีกง ไหว้อากงอาม่า จึงไม่ได้มาปฏิบัติธรรม ตัดสินใจถูกต้องหรือไม่ครับ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

ไม่ถูกไม่ผิด อยู่ที่คุ้มหรือไม่

ถ้าไปแล้วคุ้มก็โอเค ดี ถ้าไปแล้วไม่คุ้มก็ใช้ชีวิตไม่คุ้มแค่นั้นเอง ใช้เวลาไม่คุ้ม ไม่ถูกไม่ผิด แค่ได้ผลมากได้ผลน้อย ซึ่งมาจากปัญญามากหรือปัญญาน้อย แค่นั้นเอง

ถ้าสามารถคุยกับเจ้าพ่อเจ้าแม่ได้จริง ก็น่าตื่นเต้นดีไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าไปแล้วบูชาแล้วบูชาอีกก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่องสักที มันก็น่าคิดนะ เอ๊ะ ฉันมาคุยกับอะไร ฉันมาทำอะไร ฉันมาบูชาอะไร ทำไมไม่เคยเห็นไม่เคยคุยอย่างรู้เรื่องสักที มันก็น่าคิดว่าฉันกำลังอธิษฐานกับอะไร หรือว่าเราไม่มีความสามารถเพียงพอ มันก็ต้องประเมินบ้างแค่นั้นเอง ไม่ถูกไม่ผิด อยู่ที่ความคุ้มค่าและผล ถ้าผลดีอะไรก็ได้ที่ทำให้จิตใจเจริญ ชีวิตเจริญ ความสัมพันธ์เจริญ กุศลเจริญ และลดทุกข์ ลดความโง่ ลดอกุศล ลดความเสื่อมของจิตใจ ของชีวิต ของความสัมพันธ์ได้ ก็ควรทั้งนั้น ก็ใช้ปัญญาประเมินเอา

แท้จริงแล้ว กิจกรรมหนึ่งที่สวรรค์และพรหมนิยมทำกัน คือการเป็นพี่เลี้ยงให้มนุษย์ เพราะตนมีอานุภาพมากกว่ามนุษย์ แต่อานุภาพในหมู่เทพพรหมนั้นจะเป็นตามรัศมีจิตรัศมีธรรมที่กระจายออกมา และอายุขัยของท่านก็จำกัด ดังนั้น หากมนุษย์คนใดทำความดีที่ยิ่งใหญ่ ท่านก็ยินดีมาเป็นพี่เลี้ยงให้ ซึ่งท่านก็ได้ผลแห่งความดีนั้นด้วย สามารถเพิ่มรัศมีจิตรัศมีธรรมท่านได้ และหากเป็นบรมความดี ท่านก็ได้อานิสงส์ไปต่ออายุได้ด้วยเช่นกัน เทพพรหมพร้อมอยู่แล้วที่จะช่วยมนุษย์ที่ดีและทำความดียิ่งใหญ่ อยู่ที่มนุษย์เองนั่นแหละที่จะต้องดีจริง สื่อสารท่านให้ได้จริง และให้ในสิ่งที่เป็นคุณแก่ท่านโดยสมควร

ถ้าคนนับถือเทพเจ้า จะมาปฏิบัติธรรมได้ไหม

ถ้ารู้ความจริง เทพเจ้าทั้งหลายท่านบริโภคอะไรกัน

๑. บริโภคบุญ สิ่งที่ท่านต้องการจากเรามาก ๆ ถ้าเราให้ท่าน ท่านจะได้รับและเอาไปใช้ได้ทันที คือบุญ บนสวรรค์ ท่านจะมีทิพยสมบัติตามบุญ บุญเป็นสิ่งที่ให้ท่านเอาไปแปลงเป็นทิพยสมบัติได้โดยตรงและทันที

๒. ดูดซับสภาวะจิต ไม่ได้บริโภคสภาวะจิตนะ แต่ดูดซับสภาวะจิตที่ดี อย่างเช่น เรามาเจริญกรรมฐานกัน แผ่เมตตาให้ท่าน ท่านได้สภาวะจิตดีจากเรา ถ้าจิตเราผ่องใส แค่ท่านยินดีกับเรา ท่านก็ผ่องใสมากขึ้นแล้วบนสวรรค์ ท่านจะมีศักดิ์ตามรัศมีธรรม ภูมิจิตเป็นสิ่งที่ทำให้รัศมีธรรมท่านไพโรจน์โดยตรง

ดังนั้น เมื่อเรารู้หลัก ๒ ประการนี้ เราอยากจะให้เทพเจ้าทั้งหลายพึงพอใจเรา ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน ปฏิบัติฝึกจิต แผ่จิตดี ๆ ให้ท่าน เทพเจ้าจะรัก เมื่อเทพเจ้าทั้งหลายรัก ท่านจะอาสามาดูแลเราเป็นพิเศษ ท่านจะยินดีมาดูแลเรามากเมื่อเราเป็น source of บุญ และ source of สภาวะจิตที่ดี ด้วยเหตุนี้นักปฏิบัติธรรมชั้นดีมีจิตสูง เทพพรหมชั้นสูงจึงมาดูแลกันเป็นทีม แต่ถ้าเราไปไหว้เจ้าด้วยธูปหลายดอกอย่างใหญ่เลย ควันโขมงเลย ดั่งจะทำเทพเจ้ารมควัน คิดว่าเทพเจ้าจะสำลักควันบ้างไหม มนุษย์ยังระคายเคืองเลย เทพเจ้ายิ่งสูงยิ่งละเอียดอ่อนกว่ามนุษย์หลายเท่า ถ้าทำให้ท่านสำลักควันบ่อย ๆ แล้วท่านอยากจะดูแลไหม ก็จะมีเฉพาะวิญญาณระดับล่างที่ทนกลิ่นควันได้ยอมมาดูแล และบางทีก็แอบเป็นเทพผู้มีชื่อเสียงเลยก็มาก

คำตอบคือ บูชาเทพเจ้าได้ เทพเจ้าก็คือคนที่อยู่บนสวรรค์ พระพุทธเจ้าบอกว่าเปตพลี เทวตาพลี มีผล เปตพลีคือทำบุญให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ไม่ว่าอยู่ภพภูมิใด มีผล เทวตาพลีคือการบำรุงเทวดา ทำบุญอุทิศให้เทวดา มีผล ถ้าใครคิดว่าเปตพลี เทวตาพลี ไม่มีผล ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะจริง ๆ มีผล เพียงแต่ต้องทำให้ถูกต้องได้ผลจริงเท่านั้น

แล้วจะบูชาเทพเจ้าอย่างไรให้ได้ผล

ตัวนี้แหละที่เราจะต้องประเมินกันบ่อย ๆ พัฒนาวิธีการกันให้ถูกต้อง ในสองส่วนคือ 1) บูชาด้วยสิ่งที่ท่านนิยมยกย่อง 2) อธิษฐานในสิ่งที่เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะของแต่ละท่าน

เรามาดูกันทีละประเด็น

ประเด็นที่หนึ่ง บูชาด้วยสิ่งที่ท่านปรารถนา เทพพรหมทั้งหลายปรารถนาอะไร

1. เทพเจ้าทั้งหลายปรารถนาให้มนุษย์เป็นคนดี เพราะเมื่อมนุษย์มีศีลดี จะมีกลิ่นหอมทิพย์ ดังที่พระพุทธองค์ทรงสอนว่า “กลิ่นศีลหอมกว่ากลิ่นบุปผาชาติ” ซึ่งยืนยันว่าพระพุทธดำรัสเป็นจริง แม่ของผมนี่กลิ่นตัวหอมมากทั้ง ๆ ที่ไม่เคยใช้น้ำหอมเลย เพราะรักษาศีลอย่างเป็นธรรมาติ กลิ่นหอมแห่งศีลป็นกลิ่นที่เทพพรหมชอบมาก เพราะท่านเองก็หอมมากเช่นกัน ปัญหาใหญ่เวลาท่านมาสงเคราะห์มนุษย์คือกลิ่นสาบมนุษย์นี่แหละมันเหม็นสาบ ท่านจึงไม่ค่อยชอบ บางทีทนไม่ได้ ท่านก็หนี ด้วยเหตุนี้ สิ่งแรกที่จะใช้บูชาท่านคือกลิ่นหอมแห่งศีล

แต่มนุษย์ที่ไม่มีกลิ่นหอมแห่งศีล ก็ลักไก่ สมัยก่อนก็เอาดอกไม้หอมมาบูชา ต่อมาดอกไม้หอมหายากขึ้น ก็มีคนหัวใสเอาไม้หอมมาเผาบูชา ต่อมาไม้หอมหายากขึ้น คนถือโอกาสเอาไม้หอมบ้างไม่หอมบ้างมาทำเป็นแห่งธูปจุดบูชา แต่ความหอมน้อย ควันเยอะ ทรมานเทพพรหมชั้นสูง ท่านก็ไม่มา

ดังนั้น ดีที่สุด เวลาบูชาเทพเจ้า ถวายท่านด้วยกลิ่นศีล ให้สัตย์ปฏิญาณกับท่านว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป ลูกจะปฏิบัติศีลข้อ...ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์เพื่อบูชาท่าน แล้วปฏิบัติจริงจัง อย่างนี้เทพพรหม Happy ยินดีดูแล

2. เทพเจ้าทั้งหลายปรารถนาให้มนุษย์มีแสงสว่างในตน เพราะท่านมีแสงสว่างในตนจึงมีความเป็นทิพย์โดยธรรมชาติ การจะมีแสงสว่างในตนได้ ต้องมีจิตตะ ตั้งฐานรู้ไว้ที่จิต จนสติในจิตแข็งแรง บริหารจิตใจให้ผ่อนคลาย โปร่งใสได้ แสงจิตก็จะปรากฏ เมื่อแสงจิตปรากฏก็จะเห็นจิตตนเอง เห็นจิตเทพพรหม เมื่อหยุดคิดปรุงไป ก็จะสื่อสารกันรู้เรื่อง ซึ่งเทพพรหมจะชอบมาก และยินดีดูแลเหมือนมิตร เช่นเดียวกับมนุษย์ คุยกับใครรู้เรื่องก็จะชอบมาก และยินดีคบหากันเป็นมิตร คุยไม่รู้เรื่องก็จะไม่ข้องแวะกัน ไม่คบกัน

แต่คนที่จิตมืดมนอับแสง ก็ลักไก่ สร้างแสงภายนอกบูชา สมัยโบราณใช้ประทีปน้ำมันบ้าง ประทีปเทียนบ้าง ปัจจุบันหันมาใช้แสงสว่างจากไฟฟ้าบูชา ก็ได้ หาง่ายและปลอดภัยกว่า แต่ก็ยังเป็นเพียงแสงภายนอก เทพพรหมหาได้ยินดีเท่ากับแสงภายในไม่

ดังนั้น จงบูชาเทพพรหมด้วยสติในจิต จนจิตสว่างผ่องใส และเมื่อมีแสงจริง จะมีเทพพรหมเป็นเพื่อนมากมาย

3. เทพเจ้าทั้งหลายปรารถนาให้มนุษย์มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เพราะนั่นเป็นสภาวะจิตปกติของท่าน เรียกว่าวิหารธรรม คือที่อยู่แห่งจิต ดังนั้น ใครที่มีอัปปมัญญา ก็เหมือนมีบ้านเดียวกับเทพพรหม เป็นพี่น้องกับเทพพรหม อยู่ด้วยกันกับเทพพรหม และเกื้อกูลกันฉันพี่น้อง

แต่มนุษย์ที่ไม่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาจริง เวลาทุกข์ร้อนที ก็ไปทำทาน ถวายทาน ทำทีเป็นคนมีเมตตา กรุณาเป็นคราว ๆ พวกนี้ก็เป็นเมตตากรุณาเทียม ไม่แท้ ไม่สม่ำเสมอ ไม่เป็นวิหารธรรม ก็เป็นได้แค่แขก Visitor ไม่สามารถเป็นญาติได้

ดังนั้น จงบูชาเทพพรหมด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และเมื่อมีอัปปมัญญาจริง จะมีเทพพรหมเป็นญาติมากมาย

4. เทพเจ้าทั้งหลายปรารถนาให้มนุษย์แจ่มแจ้งสัจธรรม เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เทพพรหมทั้งหลายแสวงหา เทพพรหมท่านมีศีลดี สมาธิดีก็เป็นปกติ ดังนั้น สิ่งที่ท่านยังปรารถนาอีกคือ การแจ่มแจ้งความเป็นจริงทั้งปวง เพื่อท่านจะได้บริหารตนให้เจริญที่สุด เช่นครั้งหนึ่ง เทวดาพรหมแสวงหาว่าอะไรคือมงคล ถกเถียงกันทั้งสวรรค์ก็ไม่เป็นอันตกลงกันได้ จึงพากันมาหาพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงให้ “อภิระบบแห่งมงคล” ตั้งแต่อย่างต่ำไปจนถึงสูงสุด เทพพรหมทั้งหมดยอมรับ และปฏิบัติตาม ดังนั้น เวลามีใครศึกษาธรรม เผยแผ่สัจธรรม ท่านก็จะเงี่ยโสตสดับ หรือเวลาใครสาธยายธรรมใด ๆ ท่านก็ฟัง แต่เทพพรหมจำนวนมากในปัจจุบัน เคยฟังธรรมจากพระพุทธเจ้ามาก่อน ดังนั้น ใครสวดถูกสวดผิด เทพพรหมจะรู้ทันที หรือเวลาใครตั้งใจบรรลุธรรม ท่านก็จะแนะนำ เช่นพรหมสุทธาวาสมาแนะนำท่านพระพาหิยะว่า ที่ปฏิบัติอยู่นั้นไม่ถูกต้อง ให้รีบไปหาพระพุทธเจ้า พระพาหิยะจึงรีบเดินทางไปหาพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมแท้ที่ถูกต้องนิดเดียวก็สำเร็จอรหันต์เลย

ดังนั้น จงบูชาเทพพรหมด้วยธรรมแท้และเที่ยงตรง ก็จะมีเทพพรหมเป็นกัลยาณมิตรมากมาย

5. เทพเจ้าทั้งหลายปรารถนาให้มนุษย์บริสุทธิ์หลุดพ้น เพราะความบริสุทธิ์เป็นสิ่งที่เทพพรหมทั้งหลายบูชา ความอมตะเป็นยอดปรารถนาของเทพพรหมทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้ เวลาใครปฏิบัติธรรมเพื่อบริสุทธิ์หลุดพ้นสู่อมตภาพจริงจัง เทพพรหมจะอำนวยความสะดวกอย่างดียิ่ง เช่นสมัยพุทธกาลมีท่านเณรปฏิบัติธรรมจริงจังอยู่ในป่า มุ่งบรรลุธรรม เทพพรหมที่นั่นจึงประชุมกันเห็นควรทำให้ป่าทั้งป่าเงียบสนิท ไม่มีแม้เสียงใบไม้ไหว เพื่อให้ท่านเณรบรรลุธรรม และไม่นานก็สำเร็จอรหันต์ และเป็นความจริงว่า เมื่อใครสำเร็จอรหันต์ เทพพรหมจะอนุโมทนาสาธุการทั่วทั้งจักรวาล และมาเป็นศิษย์สอบถามสภาวธรรมต่าง ๆ อำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างดี

ดังนั้น จงสงเคราะห์เทพพรหมด้วยการปฏิบัติธรรมเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น และเมื่อบริสุทธิ์จริง จะมีเทพพรหมเป็นศิษย์มากมาย เช่นเทพพรหมหมื่นโลกธาตุเป็นศิษย์พระผู้มีพระภาคสัมมาสัมพุทธเจ้า เทพพรหมจำนวนมากเป็นศิษย์ท่านพระนางพิมพา ท่านพระสารีบุตร ท่านพระโมคคัลลานะ ท่านพระอนุรุทธ ท่านพระราหุล หรือแม้ท่านหลวงปู่มั่น ท่านหลวงตาบัวในยุคนี้

ประเด็นที่สอง อธิษฐานในสิ่งที่เป็นความเชี่ยวชาญจริงของแต่ละท่าน

พรหมสุทธาวาสทั้งหลาย ท่านวางกามและวางความโกรธได้ขาดสูญแล้ว เมื่อใดเหนื่อยใจกับกามและความโกรธ ก็อาราธนาพรหมสุธาวาสขอความอนุเคราะห์จากท่าน

พระศิวะ เชี่ยวชาญในสมาธิ สมาบัติ และฤทธิ์ เมื่อฟุ้งซ่านอ่อนพลัง ก็อธิษฐานให้ท่านอนุเคราะห์ได้

พระเยซู เชี่ยวชาญในการเสียสละ เมื่อเจอสถานการณ์ต้องสละแต่สละไม่ออก ก็อธิษฐานให้ท่านอนุเคราะห์ได้

พระแม่กวนอิม เชี่ยวชาญในเรื่องมหาเมตตาและความอดกลั้นอดทน เมื่อใดจิตใจแห้งเหี่ยวแผ่เมตตาไม่ออก ก็อธิษฐานให้ท่านอนุเคราะห์ได้

พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย เชี่ยวชาญความบริสุทธิ์ ณ อมตภาพ หากปรารถนาความบริสุทธิ์หลุดพ้นสู่อมตภาพ ก็สวด “พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ อรหันตสังฆัง สรณัง คัจฉามิ” แล้วอาราธนาพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ อรหันตานุภาพ อันเป็นอจินไตยมาโปรดได้ เป็นต้น

โดยสรุป คือ นับถือใครก็มาปฏิบัติธรรมได้ เมื่อได้ผลดี ก็ส่งบุญ ส่งจิต ส่งธรรม ส่งความบริสุทธิ์ดี ๆ ให้พ่อแม่บรรพบุรุษที่ล่วงไปแล้ว และเทพเจ้าทั้งหลาย ท่านจะรัก เพราะท่านได้รับในสิ่งที่ท่านต้องการจริง จะบูชาทั้งทีก็ควรส่ง supply ให้ตรง demand และจะอธิษฐานทั้งที ก็อธิษฐานให้ตรงความเชี่ยวชาญเฉพาะของท่าน ชีวิต จิตใจ ความสัมพันธ์ และกิจการงานจะได้เจริญรุ่งเรือง

 

 

คำที่เกี่ยวข้อง :

เทวดา ทำบุญ อุทิศบุญ