Main navigation

คนที่ประสบความสำเร็จในโลกต่างก็พูดเรื่องตัวตน ถ้าเราศึกษาการหาตัวตนการสร้างตัวตน จะหลงทางไหม

Q ถาม :

อาจารย์ครับ ตอนนี้ออสเตรเลียเปิด Institute of Self Research ในระดับปริญญาเอก ผมอยากไปศึกษาดู เพราะผู้ที่ประสบความสำเร็จในโลกทั้งหลาย ต่างก็พูดถึงเรื่อง Self ให้หาตัวตนให้เจอ ให้สร้างตัวตน ให้เป็นตัวของตัวเอง สร้างความแตกต่างของตนที่ไม่เหมือนคนอื่น ทำธุรกิจก็ต้องมี Branding

แต่พอนึกถึงคำของพระพุทธเจ้าทีไรที่ว่า "ทุกสิ่งเป็นอนัตตา" เลยทำให้ไม่แน่ใจว่าถ้าเราไปศึกษาทางสร้าง Self แล้วเราจะหลงไหม แต่คนทั้งหลายที่ประสบความสำเร็จเขาก็พัฒนาตนกันอย่างจริงจัง เลยทำให้ผมสับสน

จึงใคร่ขอความกรุณาท่านอาจารย์ให้ความกระจ่างหน่อยครับว่าผมควรจะเลือกทางไหนดี เพราะดูเหมือนเลือกอย่างก็เสียอีกอย่างตลอด ขอบพระคุณครับ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

ถ้าจะตอบแบบ นักการทูต ก็จะตอบว่า ทุกวัฒนธรรมต่างมีคุณค่าในตัวเอง เราต้องเคารพให้เกียรติคุณค่าที่แตกต่างนั้น

ถ้าจะตอบแบบ นักการเมือง ก็จะตอบว่า อะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อความเจริญของประเทศชาติและประชาชน และไม่ทำลายรากเหง้าของเรา เอามาเลย แล้วถักสานกันให้ลงตัว

ถ้าจะตอบแบบ นักวิทยาศาสตร์ ก็จะตอบว่า ทุกสิ่งเป็นเพียงพลังงาน เมื่อพลังงานรวมตัวกันเป็นอนุภาค เมื่ออนุภาครวมตัวกันก็เป็นธาตุ เมื่อธาตุรวมตัวกันก็เป็นสสารวัตถุ เมื่อสสารรวมตัวกันก็เป็นชีวิต เมื่อชีวิตสลายไปก็กลับเป็นธาตุและพลังงานตามเดิม สิ่งทั้งหลายไม่ได้เป็นตนตั้งแต่ต้น แต่เพราะการประกอบกันจึงเกิด new identity ขึ้นมา และเพราะการประกอบต่างสูตรต่างสัดส่วนกันจึงเกิด different character ขึ้นมา ครั้นตายไป ทั้งหมดนั้นก็หายไป กลายเป็นปฐมธาตุและพลังงานดังเดิม

ถ้าจะตอบแบบ นักปริยัติ ก็จะตอบว่า อัตตาหรืออนัตตาขึ้นอยู่ที่ระดับวิวัฒนาการ ตอนที่เรามีโมหะอยู่ โมหะก็จะยึดถือสิ่งต่าง ๆ มาเป็นตน ครั้นไม่มีโมหะแล้ว ก็ปราศจากการยึดถือ เมื่อไม่ยึดถือ ก็ไม่มีอะไรเป็นตน ทุกสิ่งล้วนเป็นเช่นนั้นเองตามธรรมชาติ ไม่เป็นตนของใคร เรียกว่า อนัตตา

ถ้าจะตอบแบบ นักปฏิบัติ ก็จะตอบว่า ความจริงมีสองระดับ คือระดับสมมติ และระดับปรมัตถ์ ระดับสมมติเราต้องบริหาร ระดับปรมัตถ์เราต้องชำระให้ถึงความหมดจดพ้นทุกข์  

ตัวตนคือระดับสมมติ ต้องบริหาร เช่น อัตตาหิ อัตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน 

อนัตตาคือระดับปรมัตถ์ สัพเพธัมมาอนัตตาติ สิ่งทั้งปวงไม่เป็นตน ทั้งรูป จิต เจตสิก นิพพาน อะไรที่เป็นทุกข์ก็ต้องชำระออก ออกไปจนหมด ก็พ้นทุกข์

ถ้าจะตอบแบบ นักปฏิเวธ ก็จะตอบว่า ทั้งอัตตาและอนัตตานั่นแหละ จงวิราคะปล่อยวางให้หมด หมดแล้วก็จะเหลือแต่รู้ตื่นเบิกบาน บรมสุขอยู่ในบรมว่าง อมตะอยู่อย่างนั้นเอง ปราศจากความคิดที่จะเป็นหรือไม่เป็นอะไรอีกต่อไป

อยากได้คำตอบแบบไหนก็เลือกตามอัธยาศัย 

หลักในการพิจารณา

1. คุณค่าระดับใดเป็นประโยชน์สุขสูงสุดและยั่งยืนที่สุด

2. ถ้ายังเลือกที่สุดไม่ได้ ให้ดูว่าคุณค่าใดพอเหมาะพอดีกับสภาวะ ณ ขณะนี้ที่สุด

นี่เป็นการเลือกแบบนักบริหาร
 

 

คำที่เกี่ยวข้อง :

อัตตา อนัตตา การบริหาร สภาวะ