เขมาเถริยาปทาน
ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตระ พระเขมาเถรีเกิดในสกุลเศรษฐี ได้ฟังธรรมเทศนา เกิดความเลื่อมใส นิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสวยพร้อมด้วยพระสาวกสงฆ์ตลอดสัปดาห์หนึ่ง และได้เห็นพระองค์ทรงตั้งภิกษุณีองค์หนึ่ง ซึ่งอุดมกว่าพวกภิกษุณีฝ่ายที่มีปัญญามากในตำแหน่งเอตทัคคะ พระเขมาเถรีมีความยินดีและปรารถนาตำแหน่งนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับท่านว่า ในสมัยพระศาสดาพระนามว่าโคดม ท่านจะได้เป็นภิกษุณีชื่อเขมา และจักถึงตำแหน่งเอตทัคคะ
ด้วยกรรมที่ทำดีแล้วนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ เมื่อท่านละร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปจุติในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ เกิดในภพใด ๆ ก็ได้เป็นพระอัครมเหสีของพระราชาในภพนั้น ๆ และเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ได้เป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ และเป็นมเหสีของพระเจ้าเอกราช เสวยทิพสมบัติและมนุษย์สมบัติ มีความสุขทุกภพ
ในกัปที่ ๙๑ สมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ท่านได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ออกบวชเป็นบรรพชิตอยู่หมื่นปี ประพฤติพรหมจรรย์ ประกอบความเพียร เป็นพหูสูต ฉลาดในปัจจัยการ คล่องแคล่วในจตุราริยสัจ มีปัญญาละเอียด แสดงธรรมไพเราะ ปฏิบัติตามสัตถุศาสน์อยู่หมื่นปี
ด้วยผลแห่งพรหมจรรย์ เมื่อจุติจากภพนั้นแล้ว เข้าถึงสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นผู้มีศีล เสวยสมบัติในภพนั้นและภพอื่น เกิดในภพใดๆ ก็เป็นผู้มีสมบัติมาก มีทรัพย์มาก มีปัญญา รูปงาม มีบริวารชนก็ว่าง่าย
ในภัทกัปพระพุทธเจ้าพระนามว่าโกนาคมน์ ท่านเกิดในเมืองพาราณสี มีพี่น้อง ๓ คน ได้ร่วมกันถวายสังฆารามแก่พระมุนีหลายพัน และได้สร้างวิหารอุทิศถวายแด่พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวกสงฆ์ ท่านและพี่น้องทั้งหมดจุติจากภพนั้นแล้วไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ถึงความเป็นผู้เลิศด้วยยศ กว่าเทพธิดาและกุลธิดาในมนุษย์
ในภัทกัปพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ท่านเกิดเป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของเจ้าเมืองนครพาราณสี มีพี่น้องรวม ๗ คน ได้ฟังธรรม ขอบรรพชา แต่พระชนกนาถไม่ทรงอนุญาต พระราชธิดา ๗ องค์ ประพฤติพรหมจรรย์ตั้งแต่เป็นกุมารี ดำรงอยู่ในสุขสมบัติสองหมื่นปี พอใจยินดีในการบำรุงพระพุทธเจ้า บางครั้ง ทรงได้ฟังมหานิทานสูตร พระราชธิดาทั้ง ๗ นั้น ได้มาเกิดเป็พระเขมาเถรี พระอุบลวรรณาเถรี พระปฏาจาราเถรี พระกุณฑลเกสีเถรี พระกีสาโคตรมีเถรี พระธรรมทินนาเถรี และนางวิสาขาอุบาสิกา
เพราะกรรมที่ได้ทำไว้ดีแล้วนั้น และการตั้งเจตน์จำนงไว้ เมื่อละร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในภพนี้ นางเกิดเป็นพระธิดาของพระเจ้ามัททราช และเป็นพระมเหสีพระเจ้าพิมพิสาร นางได้ฟังเพลงพรรณนาพระมหาวิหารเวฬุวันจึงประสงค์จะเห็น เมื่อได้พบพระพุทธเจ้า พระองค์ได้แสดงให้เห็นหญิงสาวรูปงามคนหนึ่งและหญิงสาวคนนั้นชราตามลำดับ พระนางเกิดความสังเวช พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับนางว่า
ดูร่างกายอันกระสับ กระส่าย ไม่สะอาด โสโครก ไหลเข้า ถ่ายออก ให้อบรมจิต ให้เป็นสมาธิมีอารมณ์เดียว ด้วยอสุภารมณ์ มีกายคตาสติ คลายความพอใจในกายทั้งภายในภายนอก อบรมอนิมิตตวิโมกข์ ละมานานุสัยเสีย จักเป็นผู้สงบประพฤติไป เพราะละมานานุสัยนั้นได้
ชนเหล่าใด กำหนัดด้วยราคะ เกาะกระแสอยู่เหมือนแมงมุม เกาะใยตรงกลางที่ทำไว้เอง ชนเหล่านั้นตัดราคะนั้นเสีย ไม่มีความอาลัย ละกามสุขไป ย่อมละเว้นได้
เมื่อนางมีจิตควรแล้ว ทรงแสดงมหานิทานสูตร เมื่อได้ฟังพระสูตร นางระลึกถึงสัญญาในกาลก่อน ได้ดำรงอยู่ในสัญญานั้น ชำระธรรมจักษุหมดจด ได้ขอบวช
เมื่อบวชแล้วเจ็ดเดือนก็ได้บรรลุอรหัต เป็นผู้ชำนาญในฤทธิ์ ในทิพโสตธาตุ และเจโตปริยญาณ รู้ชัดปุพเพนิวาสญาณ ชำระทิพจักษุบริสุทธิ์ มีอาสวะทั้งปวงหมดสิ้นแล้ว เป็นผู้ฉลาดในวิสุทธิทั้งหลาย คล่องแคล่วในกถาวัตถุ รู้จักนัยแห่งอภิธรรม ถึงความชำนาญในศาสนา
พระพุทธเจ้าทรงตั้งพระเขมาเถรีไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า เป็นผู้เลิศกว่าบรรดาภิกษุณีที่มีปัญญามาก
อ่าน เขมาเถริยาปทาน