Main navigation

ตั้งจิตอย่างไรกับคนที่อยากได้หน้า

Q ถาม :

อาจารย์คะ ศิษย์สงสัยมากว่าทำไมมนุษย์ทุกวันนี้อยากได้หน้ากันนัก ได้แล้วจะเอาไปไว้ไหนเพราะหน้าเดิมก็มีอยู่แล้ว หนูเวียนหัวกับมนุษย์พวกนี้มากค่ะ จะตั้งจิตกับคนเหล่านี้อย่างไรดีคะ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

ตั้งจิตว่ากำลังดูละครจำอวด ดีไหม จะได้สนุก โดยไม่ต้องเวียนหัว

ความอยากได้หน้ามาจากไหน

1. มาจากมานะกิเลสภายใน

2. มาจากการกระตุ้นเร้าจากกระแสภายนอก เช่น ระบบ social media, ระบบ marketing, ระบบการเมือง, ระบบ image management, ระบบค่านิยมสังคม, ระบบฝูงเพื่อน

ได้หน้าแล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน 

1. เอาไปไว้ในใจ ปั้นเป็นมายาตัวตน

2. เอาไปไว้ในความสัมพันธ์ ล่าการยอมรับและบริวาร

3. เอาไปไว้ในการค้าหรือการเมือง หาประโยชน์ในหมู่ผู้หลงใหลได้ปลื้ม

ปั้นสิ่งเหล่านี้แล้วจะเกิดผลอะไรต่อชีวิตจิตใจ

1. ชีวิตจิตใจและความสุข depend on การยอมรับจากภายนอก ยิ่งต้องการการยอมรับมากเท่าใด ยิ่งทำให้ใจภายในกลวงเท่านั้น ต้องโหยหาอยู่เรื่อย

2. เมื่อได้รับการยอมรับ ก็สบายใจชั่วคราว

3. เมื่อไม่ได้รับการยอมรับ ก็วิตกกังวลปรุงแต่ง พยายามหาเล่ห์เพทุบายนานาประหลาด ๆ เพื่อให้ได้หน้าใหม่ 

4. เมื่อมีใครแสดงการไม่ยอมรับ ก็จะหงุดหงิด โกรธ กระทบกระทั่ง ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามทำลายกัน ชีวิตมีศัตรู

5. ตลอดเวลาจะไม่มีสมาธิ ได้ความสุขเพียงฉาบฉวยตื้นเขินปรุงแต่ง ขึ้น ๆ ลง ๆ และห่างไกลความสุขบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

จะทำอย่างไรดี กับคนที่อยากได้หน้า

1. ก็เหมือนคนหิวน้ำ ก่อนอื่นเมตตาให้น้ำเขากินหน่อยปะไร เขาจะได้หายหิว ให้นิดเดียวนะ อย่าให้มาก ขืนให้มาก เขาจะหลงตน

2. พอเขาหายหิวแล้ว ไม่ยอมอิ่ม อยากได้หน้าเพิ่มอีก ก็เห็นเป็นปรากฏการณ์ธรรมดา อย่าไปเออออกับเขา ขืนเออออ เขาจะเห็นว่าเรายอมเป็นเหยื่อเขาอีกราย

3. หากเราไม่สนใจแล้ว เขายังพยายามหาเล่ห์เพทุบายนานามาเพื่อให้เรายอมรับให้ได้ ก็ตั้งจิตว่ากำลังดูละครจำอวด จะได้สนุก โดยไม่ต้องเวียนหัว

4. หากเราเห็นเป็นจำอวดแล้ว เขายังพยายามล่าการยอมรับไม่หยุด ก็บริหารเวลาแห่งชีวิตให้ดี เราจะใช้เวลาในหนึ่งวัน ภาวนากี่ชั่วโมง ทำงานกี่ชั่วโมง ทำกิจส่วนตัวกี่ชั่วโมง อยู่กับครอบครัวกี่ชั่วโมง เรียนรู้สิ่งใหม่กี่ชั่วโมง ออกกำลังกายกี่ชั่วโมง นอนกี่ชั่วโมง และจะมีเวลาดูจำอวดกี่นาที 

ถ้าจำอวดแสดงมุขเดิม ๆ ความขำหายไปหมดแล้ว ก็อย่าเสียเวลาแม้แต่จะมอง

เรามีสิทธิ์บริหารเวลาชีวิตได้โดยอิสระ อย่ายอมสูญเสียเอกราชแห่งชีวิต ให้จำอวดใด ๆ มาบริหาร หรือมารบกวนความสงบสุขแม้แต่น้อย

นี่คือการบริหารโดยลำดับ

จะทำอย่างไรดี ถ้าเราได้หน้า หรือไม่ได้หน้า

1. เห็นว่าเป็นธรรมดา คนปรารถนาสิ่งใด เรามีสิ่งนั้น เขาก็ยอมรับ หากเราไม่มีสิ่งนั้น เขาก็ไม่ยอมรับ การยอมรับหรือไม่ยอมรับจึงเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเราแม้แต่น้อย

2. เห็นประโยชน์ทั้งจากการยอมรับ และไม่ยอมรับ

ใครยอมรับเราก็เป็นการดีสำหรับเขา เพราะเราพอจะเป็นกัลยาณมิตรที่พึ่งดูแลเขาให้เจริญได้บ้าง

ใครไม่ยอมรับเราก็เป็นการดีสำหรับเรา จะได้ไม่เป็นภาระหน้าที่ที่เราต้องดูและบริหารความสัมพันธ์ และอาจจะดีสำหรับเขาที่จะได้เรียนรู้ ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ชีวิตจะได้แกร่ง

3. ไม่ล่าการยอมรับ หรือการไม่ยอมรับจากใคร ๆ พึงพอใจในคุณค่าของตนเสมอ แล้วพัฒนาให้บริสุทธิ์ที่สุด จะเป็นสุขอย่างอิสระ โดยไม่ต้องอาศัยปัจจัยอื่นใด

นี่คือการบริหารเอกราชแห่งจิตใจโดยสมบูรณ์