สีลสูตร
ท่านพระสารีบุตรตอบพระมหาโกฏฐิตะว่า
ภิกษุผู้มีศีล ภิกษุผู้เป็นโสดาบัน ภิกษุผู้เป็นสกทาคามี ภิกษุผู้เป็นอนาคามี หรือแม้ภิกษุผู้เป็นอรหันต์ ควรกระทำอุปาทานขันธ์ ๕ อันประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ไว้ในใจโดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค ดังฝี ดังลูกศร เป็นความคับแค้น เป็นอาพาธ เป็นของแปรปรวน เป็นของทรุดโทรม เป็นของสูญ เป็นของไม่ใช่ตัวตน
เมื่อกระทำธรรมเหล่านี้ไว้ในใจโดยแยบคาย ดังนี้แล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ
- ภิกษุผู้มีศีล พึงทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
- ภิกษุผู้เป็นโสดาบัน พึงทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล
- ภิกษุผู้เป็นสกทาคามี พึงทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล
- ภิกษุผู้เป็นอนาคามี พึงทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล
- ภิกษุผู้เป็นอรหันต์ ผู้ไม่มีกิจที่จะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไป ธรรมเหล่านี้ภิกษุผู้เป็นอรหันต์เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว เป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันและเพื่อสติสัมปชัญญะ
อ่าน - สีลสูตร