Main navigation

สีลสูตร

ว่าด้วย
ธรรมที่ควรใส่ใจโดยแยบคาย
เหตุการณ์
พระมหาโกฏฐิตะถามพระสารีบุตรว่า ภิกษุผู้มีศีล ผู้เป็นโสดาบัน ผู้เป็นสกทาคามี ผู้เป็นอนาคามี หรือแม้ภิกษุผู้เป็นอรหันต์ ควรกระทำธรรมเหล่าไหนไว้ในใจโดยแยบคาย

ท่านพระสารีบุตรตอบพระมหาโกฏฐิตะว่า

ภิกษุผู้มีศีล ภิกษุผู้เป็นโสดาบัน ภิกษุผู้เป็นสกทาคามี ภิกษุผู้เป็นอนาคามี หรือแม้ภิกษุผู้เป็นอรหันต์ ควรกระทำอุปาทานขันธ์ ๕ อันประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ไว้ในใจโดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค ดังฝี ดังลูกศร เป็นความคับแค้น เป็นอาพาธ เป็นของแปรปรวน เป็นของทรุดโทรม เป็นของสูญ เป็นของไม่ใช่ตัวตน

เมื่อกระทำธรรมเหล่านี้ไว้ในใจโดยแยบคาย ดังนี้แล้ว ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้ คือ

- ภิกษุผู้มีศีล พึงทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
- ภิกษุผู้เป็นโสดาบัน พึงทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล
- ภิกษุผู้เป็นสกทาคามี พึงทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล
- ภิกษุผู้เป็นอนาคามี พึงทำให้แจ้งซึ่งอรหัตผล
- ภิกษุผู้เป็นอรหันต์ ผู้ไม่มีกิจที่จะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไป ธรรมเหล่านี้ภิกษุผู้เป็นอรหันต์เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว เป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันและเพื่อสติสัมปชัญญะ
 

 

อ่าน - สีลสูตร

อ้างอิง
สีลสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ ข้อที่ ๓๑๐-๓๑๔ หน้า ๑๖๐
ลำดับที่
25

สถานการณ์

การปฏิบัติธรรม

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ

พระธรรม

ธรรมปฏิบัติ

พระธรรม

วิเวก

พระธรรม

ธรรมวิภังค์

พระธรรม

เวทัลลธรรม

พระธรรม

อานุภาพกรรม

พระธรรม

สุคติ สุคโต

พระธรรม

ฆราวาสธรรม