เทศนาสูตร
อสิพันกบุตรทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
เมื่อพระผู้มีพระภาคเกื้อกูลอนุเคราะห์สัตว์ทั่วหน้าอยู่ เพราะเหตุไรจึงทรงแสดงธรรมโดยเคารพแก่คนบางพวก ไม่ทรงแสดงธรรมโดยเคารพแก่คนบางพวก
พระผู้มีพระภาคตรัสถามอสิพันธกบุตรว่า
นาของคฤหบดีชาวนาในโลกนี้มีอยู่ ๓ ชนิด คือ ชนิดหนึ่งเป็นนาดี ชนิดหนึ่งเป็นนาปานกลาง ชนิดหนึ่งเป็นนาเลวมีดินเหลว เค็ม พื้นดินเลว คฤหบดีชาวนาต้องการจะหว่านพืช จะพึงหว่านในนาไหนก่อน
อสิพันธกบุตรตอบว่า พึงหว่านพืชในนาดีก่อน แล้วจึงพึงหว่านในนาปานกลาง ครั้นหว่านในนาปานกลางนั้นแล้ว พึงหว่านบ้าง ไม่หว่านบ้างในนาเลว มีดินเหลว เค็ม พื้นดินเลว เพราะที่สุดจักเป็นอาหารโค
พระผู้มีพระภาคทรงอุปมาต่อไปว่า เปรียบเหมือนบุรุษต้องการจะกรอกน้ำใส่ พึงกรอกน้ำใส่ในขวดน้ำไม่มีรอยร้าว น้ำไหลออกได้ เจ้าของไม่ใช้ก่อน แล้วพึงกรอกน้ำใส่ในขวดน้ำไม่มีรอยร้าว น้ำไหลออกได้ เจ้าของใช้ แล้วพึงกรอกน้ำใส่บ้าง ไม่กรอกใส่บ้าง ในขวดน้ำมีรอยร้าว น้ำไหลออกได้ เจ้าของใช้บ้าง เพราะที่สุดจักเป็นน้ำสำหรับล้างสิ่งของ
ฉันนั้นเหมือนกัน พระผู้มีพระภาคย่อมทรงแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง แก่ภิกษุและภิกษุณีของพระองค์ (ก่อน) เพราะภิกษุและภิกษุณีเหล่านี้ มีพระองค์เป็นที่พึ่ง มีพระองค์เป็นที่เร้น มีพระองค์เป็นที่ต้านทาน มีพระองค์เป็นสรณะอยู่
ย่อมทรงแสดงธรรมแก่อัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์และปริพาชกเหล่านั้น (ในที่สุด) เพราะอัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์ และปริพาชกจะพึงรู้ธรรมแม้บทเดียว ความรู้ของเขานั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่เขาสิ้นกาลนาน
พระองค์ย่อมทรงแสดงธรรมแก่อุบาสกและอุบาสิกาเป็นที่สอง ฉันนั้น เพราะอุบาสกและอุบาสิกาเหล่านี้ มีพระองค์เป็นที่พึ่ง มีพระองค์เป็นที่เร้น มีพระองค์เป็นที่ต้านทาน มีพระองค์เป็นสรณะอยู่
อสิพันธกบุตรกล่าวสรรเสริญการแสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า และขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับทั้งพระธรรมและภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ และเป็นอุบาสกผู้ถึงรัตนตรัยเป็นสรณะจนตลอดชีวิต
อ่าน เทศนาสูตร (
(อุปมาขวดน้ำ ฉบับมหาจุฬา)