กึสุกสูตร
ภิกษุรูปหนึ่งถามขึ้นว่า ทัศนของภิกษุหมดจดได้ด้วยเหตุเพียงเท่าใด
ภิกษุรูปหนึ่งตอบว่า ทัศนะของภิกษุเป็นอันหมดจดดีด้วยเหตุที่ ภิกษุรู้ชัดเหตุเกิด และความดับแห่งผัสสายตนะ ๖ ตามความเป็นจริง
ภิกษุรูปหนึ่งตอบว่า ทัศนะของภิกษุเป็นอันหมดจดดีด้วยเหตุที่ ภิกษุรู้ชัดเหตุเกิด และความดับแห่งอุปาทานขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง
ภิกษุรูปหนึ่งตอบว่า ทัศนะของภิกษุเป็นอันหมดจดดีด้วยเหตุที่ ภิกษุรู้ชัดเหตุเกิด และความดับแห่งมหาภูตรูป ๔ ตามความเป็นจริง
ภิกษุรูปหนึ่งตอบว่า ทัศนะของภิกษุเป็นอันหมดจดดีด้วยเหตุที่ ภิกษุรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
เมื่อภิกษุนั้นเล่าคำตอบที่ตนได้รับฟังมาให้พระพุทธเจ้า พระผู้มีพระภาคทรงกล่าวอุปมาว่าด้วยต้นทองกวาวว่า บุคคลย่อมอธิบายต้นทองกวาวตามลักษณะที่ตนเห็น ทัศนะของสัตบุรุษเหล่านั้นผู้น้อมไปแล้ว เป็นอันหมดจดดีด้วยประการใด ๆ สัตบุรุษทั้งหลายพยากรณ์แล้วด้วยประการนั้น
และทรงอุปมาต่อไปว่า
มีเมืองชายแดนของพระราชาเป็นเมืองที่มั่นคง มีกำแพงและเชิงเทิน มีประตู ๖ ประตู นายประตูเมืองนั้นเป็นคนฉลาด เฉียบแหลม มีปัญญา คอยห้ามคนที่ตนไม่รู้จัก อนุญาตให้คนที่ตนรู้จักเข้าไปในเมืองนั้น ราชทูตคู่หนึ่งมีราชการด่วน ถามนายประตูนั้นว่า เจ้าเมืองนี้อยู่ที่ไหน นายประตูนั้นตอบว่า เจ้าเมืองนั่งอยู่ ณ ทางสามแพร่งกลางเมือง เมื่อราชทูตคู่นั้นมอบถ้อยคำตามความเป็นจริงแก่เจ้าเมืองแล้ว ก็ดำเนินกลับไปตามทางที่มาแล้ว
เมือง เป็นชื่อของกาย เป็นที่ประกอบด้วยมหาภูตรูป ๔ มีมารดาและบิดาเป็นแดนเกิด เจริญขึ้นด้วยข้าวสุกและขนมสด ต้องอบ ต้องนวดฟั้นเป็นนิตย์ มีอันทำลายและกระจัดกระจายเป็นธรรมดา
ประตู ๖ ประตู เป็นชื่อของอายตนะภายใน ๖
นายประตู เป็นชื่อของสติ
ราชทูตคู่หนึ่ง เป็นชื่อของสมถะและวิปัสนา
เจ้าเมือง เป็นชื่อของวิญญาณ
ทางสามแพร่งกลางเมือง เป็นชื่อของมหาภูตรูป ๔ คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ
ถ้อยคำตามความเป็นจริง เป็นชื่อของนิพพาน
ทางตามที่มาแล้ว เป็นชื่อของอริยมรรคมีองค์ ๘ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
อ่าน กึสุกสูตร