อุทกสูตร
พระอานนท์กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่าภิกษุรูปหนึ่งสอบถามพระอานนท์ว่า พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดรู้เหตุทั้งปวงด้วยพระหฤทัย หรือทรงกำหนดรู้โดยปริยายบางประการเท่านั้น จึงทรงพยากรณ์พระเทวทัตว่าพระเทวทัตจะต้องเกิดในอบาย ตกนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้
พระผู้มีพระภาคตรัสว่าภิกษุรูปนั้นเป็นภิกษุใหม่ บวชไม่นาน หรือว่าเป็นภิกษุเถรแต่โง่เขลา ไม่ฉลาด เพราะข้อที่ทรงพยากรณ์แล้วโดยส่วนเดียวจักเป็นสองได้อย่างไร แล้วตรัสว่า ทรงกำหนดรู้เหตุทั้งปวงด้วยใจแล้ว ทรงไม่ได้เห็นธรรมขาวของพระเทวทัต แม้ประมาณเท่าน้ำที่สลัดออกจากปลายขนทราย จึงทรงพยากรณ์พระเทวทัตว่าต้องเกิดในอบาย ตกนรก ตั้งอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้
แล้วทรงจำแนก ญาณเครื่องกำหนดรู้อินทรีย์ของบุรุษ
๑. พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดรู้ใจบุคคลด้วยใจว่า กุศลธรรมก็ดี อกุศลธรรมก็ดี ของบุคคลนี้มีอยู่
ต่อมา ทรงกำหนดรู้ใจบุคคลนี้ด้วยใจว่า กุศลธรรมของบุคคลนี้หายไป อกุศลธรรมปรากฏขึ้นเฉพาะหน้า กุศลมูลที่บุคคลนั้นยังตัดไม่ขาดมีอยู่ เพราะกุศลมูลนั้น กุศลอย่างอื่นของเขาจักปรากฏ บุคคลนี้จักเป็นผู้ไม่เสื่อมต่อไปเป็นธรรมดา
๒. พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดรู้ใจบุคคลด้วยใจว่า กุศลธรรมก็ดี อกุศลธรรมก็ดี ของบุคคลนี้มีอยู่
ต่อมา ทรงกำหนดรู้ใจบุคคลนี้ด้วยใจว่าอกุศลธรรมของบุคคลนี้หายไป กุศลธรรมปรากฏขึ้นเฉพาะหน้า แต่อกุศลมูลที่เขายังตัดไม่ขาดมีอยู่ เพราะอกุศลมูลนั้น อกุศลอื่นของเขาจักปรากฏ บุคคลนี้จักเป็นผู้เสื่อมต่อไปเป็นธรรมดา
๓. พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดรู้ใจบุคคลด้วยใจว่า กุศลธรรมก็ดี อกุศลธรรมก็ดี ของบุคคลนี้มีอยู่
ต่อมา ทรงกำหนดรู้ใจบุคคลนี้ด้วยใจว่า ธรรมขาวของบุคคลนี้ไม่มี บุคคลนี้ประกอบด้วยอกุศลธรรมฝ่ายดำอย่างเดียว เมื่อตายไปจักเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
แล้วทรงบัญญัติบุคคล ๓ จำพวกนี้ ออกเป็นส่วนละ ๓ อีก
๔. พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดรู้ใจบุคคลด้วยใจว่า กุศลธรรมก็ดี อกุศลธรรมก็ดี ของบุคคลนี้มีอยู่
ต่อมา ทรงกำหนดรู้ใจบุคคลนี้ด้วยใจว่า กุศลธรรมของบุคคลนี้หายไป อกุศลธรรมปรากฏขึ้นเฉพาะหน้า แต่กุศลมูลที่เขายังตัดไม่ขาดมีอยู่ กุศลมูลนั้นก็ถึงความถอนขึ้น บุคคลนี้จักเป็นผู้เสื่อมต่อไปเป็นธรรมดา
๕. พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดรู้ใจบุคคลว่า กุศลธรรมก็ดี อกุศลธรรมก็ดี ของบุคคลนี้มีอยู่
ต่อมา ทรงกำหนดรู้ใจบุคคลนี้ด้วยใจว่า อกุศลธรรมของบุคคลนี้หายไป กุศลธรรมปรากฏขึ้นเฉพาะหน้า แต่อกุศลมูลที่เขายังตัดไม่ขาดมีอยู่ อกุศลมูลนั้นก็ถึงความเพิกถอนขึ้น บุคคลนี้จักไม่เสื่อมต่อไปเป็นธรรมดา
๖. พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดรู้ใจบุคคลว่า กุศลธรรมก็ดี อกุศลธรรมก็ดี ของบุคคลนี้มีอยู่
ต่อมา ทรงกำหนดรู้ใจบุคคลนี้ด้วยใจว่า อกุศลธรรมของบุคคลนี้ไม่มี บุคคลนี้ประกอบด้วยธรรมที่ไม่มีโทษ เป็นธรรมฝ่ายขาวอย่างเดียว จักปรินิพพานในปัจจุบันทีเดียว
พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดรู้ใจบุคคลด้วยใจอย่างนี้ กำหนดญาณเป็นเครื่องทราบอินทรีย์ของบุรุษด้วยใจอย่างนี้ กำหนดรู้ธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้นต่อไปด้วยใจ ด้วยประการฉะนี้
อ่าน อุทกสูตร