โมคคัลลานสูตร
พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระมหาโมคคัลลานะมาตรัสว่า เธอจงยังภิกษุผู้ฟุ้งซ่าน อวดตัว มีจิตกวัดแกว่ง ปากกล้า พูดจาอื้อฉาว ลืมสติ ไม่มีสัมปชัญญะ มีจิตไม่ตั้งมั่น คิดจะสึก ไม่สำรวมอินทรีย์เหล่านั้นให้สังเวช
พระโมคคัลลานะแสดงอิทธาภิสังขาร ทำให้ปราสาทของมิคารมารดาสะเทือนหวั่นไหวด้วยนิ้วหัวแม่เท้า ภิกษุเหล่านั้นเกิดความสลดใจ ขนพองสยองเกล้า เกิดความอัศจรรย์ เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน ลมก็ไม่มี ปราสาทก็มีรากลึก ฝังไว้ดีแล้ว จะโยกคลอนไม่ได้
พระผู้มีพระภาคตรัสกับภิกษุเหล่านั้นว่า ภิกษุโมคคัลลานะประสงค์จะให้เธอทั้งหลายสังเวช จึงทำปราสาทของมิคารมารดา ให้สะเทือนสะท้านหวั่นไหวด้วยนิ้วหัวแม่เท้า
ภิกษุโมคคัลลานะมีฤทธิ์มากมีอานุภาพมากอย่างนี้เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔
การเจริญอิทธิบาท ๔ ประกอบด้วย ฉันทสมาธิ วิริยสมาธิ จิตตสมาธิ วิมังสาสมาธิ และปธานสังขาร คือ
ภิกษุโมคคัลลานะย่อมเจริญอิทธิบาท ประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ดังนี้ว่า
ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสาจะไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกินไป ไม่หดหู่ในภายใน ไม่ฟุ้งซ่านไปภายนอก
และเธอมีความสำคัญในเบื้องหลังและเบื้องหน้าอยู่ว่า
เบื้องหน้าฉันใด เบื้องหลังก็ฉันนั้น
เบื้องหลังฉันใด เบื้องหน้าก็ฉันนั้น
เบื้องล่างฉันใด เบื้องบนก็ฉันนั้น
เบื้องบนฉันใด เบื้องล่างก็ฉันนั้น
กลางวันฉันใด กลางคืนก็ฉันนั้น
กลางคืนฉันใด กลางวันก็ฉันนั้น
มีจิตเปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้สว่างอยู่
เพราะได้เจริญให้มาก กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้ ภิกษุโมคคัลลานะสามารถแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ จากคนเดียวเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว ทำให้ปรากฏหรือหายไปก็ได้ สามารถทะลุฝา กำแพง ภูเขาไปได้โดยไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่าง ผุดขึ้นดำลงในแผ่นดินเหมือนในน้ำ หรือเดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดิน เหาะไปในอากาศเหมือนนก ลูบคลำพระจันทร์ พระอาทิตย์ ซึ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมากด้วยฝ่ามือ ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้
และย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่
อ่าน โมคคัลลานสูตร