หน้าที่ของภรรยา
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ชาติยาวัน ใกล้เมืองภัททิยะ อุคคหเศรษฐีผู้เป็นหลานเมณฑกเศรษฐีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลนิมนต์พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุ ๓ รูป เพื่อรับภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น
วันรุ่งขึ้น พระผู้มีพระภาคเสด็จไปยังนิเวศน์ของท่านอุคคหเศรษฐี หลังจากเสวยเสร็จแล้ว เศรษฐีกราบทูลขอให้พระผู้มีพระภาคทรงกล่าวสอนกุมารีของตนที่จะต้องไปอยู่สกุลสามี เพื่อประโยชน์สุขแก่กุมารีนั้นตลอดกาล
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสสอนกุมารีเหล่านั้นด้วยธรรม ๕ ประการ คือ
หากหวังความเกื้อกูลอนุเคราะห์ด้วยความเอ็นดูจากมารดาบิดาของสามี จะต้องตื่นก่อน นอนทีหลังท่าน คอยรับใช้ ประพฤติเป็นที่พอใจของท่าน พูดคำเป็นที่รักต่อท่าน
ทำการสักการะ เคารพ นับถือ บูชา บุคคลอันเป็นที่เคารพของสามี คือ มารดาบิดา หรือสมณพราหมณ์
เป็นผู้ขยันไม่เกียจคร้าน ประกอบด้วยปัญญาเครื่องพิจารณาอันเป็นอุบายในการงานภายในบ้านของสามี
รู้การงานที่ทาส คนใช้ หรือกรรมกรภายในบ้านของสามี ว่าทำแล้ว หรือยังไม่ได้ทำ รู้ว่าคนป่วยไข้มี หรือไม่มีกำลัง และแบ่งของเคี้ยวของบริโภคให้ตามเหตุที่ควร
รักษา คุ้มครอง ทรัพย์ ข้าวเปลือก เงิน หรือทองที่สามีหามาได้ให้คงอยู่ ไม่เป็นนักเลงการพนัน ขโมยหรือนักดื่ม ไม่ผลาญทรัพย์ให้พินาศ
สุภาพสตรีผู้มีปรีชา ย่อมไม่ดูหมิ่นสามีผู้หมั่นเพียร เลี้ยงตนอยู่ทุกเมื่อ ให้ความปรารถนาทั้งปวง ไม่ทำสามีให้ขุ่นเคือง ด้วยประพฤติแสดงความหึงหวงสามี และบูชาผู้ที่สามีเคารพ เป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน สง เคราะห์คนข้างเคียงของสามี ประพฤติเป็นที่พอใจของสามี รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ สตรีใดประพฤติอย่างนี้ ย่อมเข้าถึงความเป็นเทวดาเหล่ามนาปกายิกา