เหตุปัจจัยให้ทานมีอานิสงส์มาก
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ฝั่งสระโบกขรณีคัคครา ใกล้เมืองจัมปา ครั้งนั้นอุบาสกชาวเมืองจัมปา เข้าไปหาท่านพระสารีบุตร เพื่อขอฟังธรรมของพระผู้มีพระภาค พระสารีบุตรจึงให้มาฟังธรรมในวันอุโบสถ
ครั้นถึงวันอุโบสถ ท่านพระสารีบุตรพร้อมด้วยอุบาสกชาวเมืองจัมปา ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลถามว่าอะไรเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ทานที่ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก พระผู้มีพระภาคทรงตรัสตอบดังนี้
บุคคลบางให้ทานด้วยหวังผลของทาน มุ่งการสั่งสมการให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่าตายไปแล้วจะได้เสวยผลของทานนี้ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นจาตุมหาราช เมื่อสิ้นกรรม ยังเป็นผู้กลับมา
ส่วนบุคคลบางคนไม่มีหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่คิดว่า ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ แล้วให้ทาน แต่ให้ทานด้วยคิดว่า
การให้ทานเป็นสิ่งที่ดี เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ เมื่อสิ้นกรรม ยังเป็นผู้กลับมา
เป็นการรักษาประเพณีที่บิดามารดาปู่ย่าตายายเคยทำมา เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นยามา เมื่อสิ้นกรรม ยังเป็นผู้กลับมา
สมณะและพราหมณ์ไม่ได้หุงหากิน ส่วนเราหุงหากินได้ จึงสมควรให้ทานแก่ท่าน เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิต เมื่อสิ้นกรรม ยังเป็นผู้กลับมา
จะแจกทาน เหมือนฤาษี บูชามหายัญ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดี เมื่อสิ้นกรรม ยังเป็นผู้กลับมา
เมื่อให้ทาน จิตเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี เมื่อสิ้นกรรม ยังเป็นผู้กลับมา
ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหม เมื่อสิ้นกรรม เป็นผู้ไม่ต้องกลับมา
อ่านพระสูตรเต็ม ทานสูตร