อุมมัคคสูตร
ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค แล้วทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้
โลกอันอะไรแลนำไป โลกอันอะไรชักมา และบุคคลย่อมลุอำนาจของอะไรที่บังเกิดขึ้นแล้ว
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
โลกอันจิตแลนำไป อันจิตชักมา และบุคคลย่อมลุอำนาจของจิตที่บังเกิดขึ้นแล้ว
ที่เรียกว่า บุคคลเป็นพหูสูต เป็นผู้ทรงธรรม ด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงเป็นพหูสูต เป็นผู้ทรงธรรม
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
เราแสดงธรรมเป็นอันมาก คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ ถ้าภิกษุรู้ทั่วถึงอรรถ รู้ทั่วถึงธรรมแห่งคาถา ๔ บาทแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ก็ควรเรียกว่า เป็นพหูสูต เป็นผู้ทรงธรรม
ที่เรียกว่า บุคคลผู้สดับมีปัญญาชำแรกกิเลส ด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงเป็นผู้สดับมีปัญญาชำแรกกิเลส
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา และเห็นแจ้งแทงตลอดเนื้อความแห่งคำที่สดับนั้นด้วยปัญญา บุคคลนั้นเป็นผู้สดับมีปัญญาชำแรกกิเลส
ที่เรียกว่า บุคคลผู้เป็นบัณฑิตมีปัญญามาก ด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงเป็นบัณฑิตมีปัญญามาก
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
บุคคลผู้เป็นบัณฑิตมีปัญญามากในธรรมวินัยนี้ ย่อมไม่คิดเพื่อเบียดเบียนตน เบียดเบียนผู้อื่น หรือเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่น เมื่อคิด ย่อมคิดเพื่อเกื้อกูลแก่ตน เกื้อกูลแก่ผู้อื่น หรือเกื้อกูลแก่ตนและผู้อื่น และเกื้อกูลแก่โลกทั้งหมดทีเดียว
อ่าน อุมมัคคสูตร