พระสารีบุตรเยี่ยมไข้
พระสารีบุตรได้ให้โอวาทแก่อนาถบิณฑิกเศรษฐีว่า
ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นผู้ทุศีล ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสัมกัปปะ มิจฉาวาจา มิจฉากัมมันตะ มิจฉาอาชีวะ มิจฉาวายามะ มิจฉาสติ มิจฉาสมาธิ มิจฉาญาณะ มิจฉาวิมุติ เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
ส่วนผู้เห็นความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เห็นความเป็นผู้มีศีล มีสัมมาทิฏฐิ สัมมาสัมกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณะ สัมมาวิมุติ ในตน เช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เวทนาจะพึงสงบระงับโดยพลัน
ผู้ใดมีศรัทธา ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวในพระตถาคต มีศีลอันงามที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว สรรเสริญแล้ว มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ และมีความเห็นอันตรง บัณฑิตทั้งหลายเรียกผู้นั้นว่า เป็นคนไม่ขัดสน ชีวิตของผู้นั้นไม่เปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญา เมื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พึงประกอบตามซึ่งศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และความเห็นธรรม
ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ท่านพระสารีบุตรกล่าวสอนอนาถบิณฑิกคฤหบดีด้วยโอวาทข้อนี้ ๆ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สารีบุตรเป็นบัณฑิต สารีบุตรมีปัญญามาก ได้จำแนกโสตาปัตติยังคะ ๔ ด้วยอาการ ๑๐ อย่าง
อ่าน ทุสีลยสูตรที่ ๑