เหตุให้กลัวและไม่กลัวความตาย
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ผู้มีความตายเป็นธรรมดา และเป็นผู้กลัวความตาย มีอยู่
ผู้มีความตายเป็นธรรมดา และเป็นผู้ไม่กลัวความตาย มีอยู่
ผู้กลัวความตาย
ผู้ที่ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ความพอใจ ความรัก ความกระหาย ความเร่าร้อน ความทะยานอยากใน กาม ทั้งหลาย เมื่อเป็นโรคหนัก ย่อมมีความวิตกว่า กามอันเป็นที่รักจักละเรา และเราก็จะต้องละกามอันเป็นที่รักไป
ผู้ที่ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ความพอใจ ความรัก ความกระหาย ความเร่าร้อน ความทะยานอยากใน กาย ทั้งหลาย เมื่อเป็นโรคหนัก ย่อมวิตกว่า กายอันเป็นที่รักจักละเราไป และเราก็จักละกายอันเป็นที่รักไป
ผู้ที่ไม่ได้ทำความดีไว้ ไม่ได้ทำกุศลไว้ ไม่ได้ทำความป้องกันความกลัวไว้ ทำแต่บาป ทำแต่กรรมที่หยาบช้า ทำแต่กรรมที่เศร้าหมอง เมื่อเป็นโรคหนัก ย่อมวิตกว่า คติของคนเช่นนั้นเป็นเช่นไร เราละไปแล้วย่อมไปสู่คตินั้น
ผู้ที่มีความสงสัย เคลือบแคลง ไม่ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม เมื่อเป็นไข้หนัก ย่อมวิตกว่า เราเป็นผู้สงสัย เคลือบแคลง ไม่ถึงความตกใจในพระสัทธรรม
บุคคลเหล่านี้ย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ย่อมร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญ สะดุ้งกลัวต่อความตาย
ผู้ไม่กลัวความตาย
ผู้ที่ปราศจากความกำหนัด ความพอใจ ความรัก ความกระหาย ความเร่าร้อน ความทะยานอยากใน กาม ทั้งหลาย เมื่อเป็นโรคหนัก ย่อมไม่วิตกว่า กามทั้งหลายอันเป็นที่รักจักละเราไป และเราก็จักละกามอันเป็นที่รักไป
ผู้ที่ปราศจากความกำหนัด ความพอใจ ความรัก ความกระหาย ความเร่าร้อน ความทะยานอยากใน กาย ทั้งหลาย เมื่อเป็นโรคหนัก ย่อมไม่วิตกว่า กายอันเป็นที่รักจักละเรา และเราก็จักละกายอันเป็นที่รักนี้ไป
เป็นผู้ไม่ได้กระทำบาป ไม่ได้ทำกรรมที่หยาบช้า ไม่ได้ทำกรรมที่เศร้าหมอง เป็นผู้ทำความดีไว้ ทำกุศลไว้ ทำกรรมเครื่องป้องกันความกลัวไว้ เมื่อเป็นโรคหนัก ย่อมมีวิตกว่า คติของผู้ทำความดี ทำกุศลเป็นเช่นใด เราละไปแล้วจักไปสู่คตินั้น
ผู้ที่ไม่มีความสงสัย ไม่มีความเคลือบแคลง ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม เมื่อเป็นโรคหนัก ย่อมมีวิตกว่า เราไม่เป็นผู้สงสัย ไม่มีความเคลือบแคลง ถึงความตกลงใจในพระสัทธรรม
บุคคลเหล่านี้ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบากใจ ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอกคร่ำครวญ ไม่สะดุ้งกลัวต่อความตาย
อ่าน อภยสูตร