เทวทูต ๕
พระผู้มีพระภาคตรัสว่าทรงเป็นผู้ที่มองเห็นหมู่สัตว์กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมทราบชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมได้ว่า
สัตว์ผู้ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยะ เป็นสัมมาทิฐิ เชื่อมั่นกรรมด้วยอำนาจสั มมาทิฐิ เมื่อตายไปแล้ว เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ก็มี บังเกิดในหมู่มนุษย์ก็มี
สัตว์ผู้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยะ เป็นมิจฉาทิฐิ เชื่อมั่นกรรมด้วยอำนาจมิจฉาทิฐิ เมื่อตายไปแล้วเข้าถึงเปรตวิสัยก็มี เข้าถึงกำเนิดสัตว์เดียรัจฉานก็มี เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกก็มี
ผู้ไม่เกื้อกูลมารดา ไม่เกื้อกูลบิดา ไม่เกื้อกูลสมณะ ไม่เกื้อกูลพราหมณ์ และไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล ไม่ได้ทำความดีทางกาย วาจา และใจ เพราะมัวประมาทในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ผู้ทำบาปกรรมจะต้องได้รับการลงอาญา
ก็บาปกรรมนี้ บิดามารดา พี่ชายน้องชาย พี่สาวน้องสาว มิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิต ไม่ได้ทำให้ ตนทำเอง ตนนั่นเองต้องรับผลของบาปกรรมนั้น ต้องเสวยทุกขเวทนากล้าอย่างหนัก เผ็ดร้อนตราบเท่าที่บาปกรรมนั้นยังไม่สิ้นไป
นรชนเหล่าใดยังเป็นมาณพ อันเทวทูตตักเตือนแล้ว ประมาทอยู่ นรชนเหล่านั้นจะเข้าถึงหมู่สัตว์เลว เศร้าโศกสิ้นกาลนาน
ส่วนนรชนเหล่าใด เป็นสัตบุรุษผู้สงบระงับในโลกนี้ อันเทวทูตตักเตือนแล้ว ย่อมไม่ประมาทในธรรมของพระอริยะในกาลไหนๆ เห็นภัยในความถือมั่นอันเป็นเหตุแห่งชาติและมรณะแล้ว ไม่ถือมั่น หลุดพ้นในธรรมเป็นที่สิ้นชาติและมรณะได้
นรชนเหล่านั้นเป็นผู้ถึงความเกษม มีสุข ดับสนิทในปัจจุบัน ล่วงเวรและภัยทั้งปวงและเข้าไปล่วงทุกข์ทั้งปวงได้
อ่าน เทวฑูตสูตร