Main navigation

ผู้เจริญมรณสติไม่กลัวตาย

เหตุการณ์
พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงธรรมที่เมืองอาฬวีเรื่องมรณสติ หลังจากธิดาของนายช่างหูกได้ฟังธรรมแล้วนางได้เจริญมรณสติตลอดวัน ตลอดคืนเป็นเวลา 3 ปี พระพุทธองค์ได้เสด็จมาที่เมืองอาฬวีอีกครั้งแสดงธรรมเทศนาแก่ธิดาของนายช่างหูก นางบรรลุโสดาปัตติผล

 

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ท่านทั้งหลายจงเจริญมรณสติอย่างนี้ว่า ชีวิตของเราไม่ยั่งยืน ความตายของเราแน่นอน เราพึง ตายแน่แท้ ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุด ชีวิตของเราไม่เที่ยง ความตายเที่ยง
 
ผู้ไม่เจริญมรณสติ เวลาตายย่อมถึงความสะดุ้ง ร้องอย่างขลาดกลัว เหมือนผู้เห็นอสรพิษแล้วกลัว 

ผู้เจริญมรณสติย่อมไม่สะดุ้งกลัวเมื่อเวลาสุดท้ายมาถึง เหมือนผู้เห็นอสรพิษแต่ไกล แล้วก็เอาท่อนไม้เขี่ยทิ้งไปยืนอยู่ เพราะฉะนั้นจึงควรเจริญมรณสติไว้

ธิดาของนายช่างหูกได้ฟังธรรมแล้วคิดว่าถ้อยคำของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอัศจรรย์ นางจึงเจริญมรณสติตลอดทั้งกลางวันกลางคืนเป็นเวลา 3 ปี

ต่อมา พระผู้มีพระภาคทรงเห็นว่านางและมหาชนจะได้ประโยชน์จากการแสดงธรรมของพระองค์ จึงเสด็จไปสู่เมืองอาฬวีเพื่อโปรดนางอีกครั้ง 

เมื่อธิดาของนายช่างหูกทราบการเสด็จมาของพระศาสดาก็มีความปรารถนาที่จะไปฟังธรรม แต่นางต้องรีบกรอด้ายให้บิดาเสร็จก่อน แล้วจึงไปฟังธรรม
 
เมื่อพระผู้มีพระภาคเห็นธิดาของนายช่างหูกเข้ามาก็ทรงถามปัญหา ๔ ข้อ

พระพุทธองค์  “กุมาริกา เธอมาจากไหน”
นางตอบว่า  “ไม่ทราบ พระพุทธเจ้าข้า”
พระพุทธองค์  “เธอจะไปที่ไหน” 
นางตอบว่า  “ไม่ทราบ พระพุทธเจ้าข้า” 
พระพุทธองค์  “เธอไม่ทราบหรือ” 
นางตอบว่า  “ทราบ พระพุทธเจ้าข้า” 
พระพุทธองค์  “เธอทราบหรือ” 
นางตอบว่า  “ไม่ทราบ พระพุทธเจ้าข้า” 

นางอธิบายว่า เมื่อตรัสถามว่ามาจากไหน ก็ไม่ทราบว่ามาจากที่ไหนจึงมาเกิดที่นี่ และจะไปไหนก็ไม่ทราบว่าถ้าจากโลกนี้แล้วไปเกิดที่ไหน ที่ตรัสถามว่า ไม่ทราบหรือ นางทราบแต่ความตายของตนเอง และที่ตรัสถามว่า ทราบหรือไม่นั้น หมายถึงจะตายในกลางวันหรือกลางคืนหรือวันใด นางไม่ทราบ” 
 
พระผู้มีพระภาคประทานสาธุการ ๔ ครั้ง และได้ตรัสพระคาถาว่า

สัตว์โลกนี้เป็นเหมือนคนตาบอด ในโลกนี้ น้อยคนนัก จะเห็นแจ้ง น้อยคนนักจะไปในสวรรค์ เหมือนนกจำนวนน้อยหลุดแล้วจากข่าย
 
เมื่อจบการแสดงธรรม ธิดาของนายช่างหูกบรรลุโสดาปัตติผล ธรรมได้มีประโยชน์แก่มหาชน
 
ธิดาของนายช่างหูกได้นำกรอด้ายหลอดไปให้บิดา บิดาโกรธที่นางมาช้า ขว้างกระสวยอย่างแรงพุ่งไปทิ่มท้องของนางถึงแก่ความตายในที่นั้น นางไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต บิดาของนางมีความเศร้าโศกมาก จึงมาเฝ้าพระผู้มีพระภาคขอให้ทรงดับความโศกของตน

พระองค์ได้ทรงปลอบแล้วตรัสอัสสุสูตรว่า
 
เพราะสงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ย่อมได้เสวยทุกข์ตลอดกาลนาน 

น้ำตาที่หลั่งไหลของผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบกับสิ่งที่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ นี้แหละมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔
 
ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ พอเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น
 
เมื่อจบพระธรรมเทศนา นายช่างหูกมีความโศกบางเบา ขอบรรพชากะพระผู้มีพระภาค เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ต่อมาไม่นานก็ได้บรรลุอรหัตตผล

 



อ่าน คาถาธรรมบท โลกวรรค
อ่าน อรรถกถาเรื่อง ธิดานายช่างหูก

อ้างอิง
คาถาธรรมบท โลกวรรค พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๒๓ หน้า ๒๗ และอรรถกถาเรื่องธิดานายช่างหูก
ชุดที่
ลำดับที่
47

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ

พระธรรม

ธรรมปฏิบัติ

พระธรรม

วิเวก

พระธรรม

ธรรมวิภังค์

พระธรรม

เวทัลลธรรม

พระธรรม

อานุภาพกรรม

พระธรรม

สุคติ สุคโต

พระธรรม

ฆราวาสธรรม