Main navigation

พรหมชาลสูตร ตอนที่ ๑

ว่าด้วย
จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล
เหตุการณ์
พระผู้มีพระภาคเสด็จดำเนินทางไกลระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาฬันทา พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ในระหว่างทางนั้น สุปปิยปริพาชกกล่าวติพระพุทธเจ้า ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ส่วนพรหมทัตตมาณพ อันเตวาสิกของสุปปิยปริพาชก กล่าวชมพระพุทธเจ้า ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์ อาจารย์และอันเตวาสิกทั้งสองนั้น มีถ้อยคำที่ตรงกันข้ามกัน

พระผู้มีพระภาคทรงกล่าวว่า เมื่อคนพวกหนึ่งติท่าน ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ก็ไม่ควรอาฆาต ไม่ควรน้อยใจ ไม่ควรแค้นใจในคนเหล่านั้น เพราะถ้าเราทำเช่นนั้น เราจะไม่รู้คำที่เขาพูดถูกหรือพูดผิด

ท่านตรัสว่า ภิกษุทั้งหลายควรแก้ให้เห็นโดยความไม่จริงว่า นั่นไม่จริง เพราะเหตุนี้ นั่นไม่แท้ เพราะเหตุนี้ แม้นั่นก็ไม่มีในตน และหาไม่ได้ในตน

เมื่อคนพวกอื่นจะพึงกล่าวชมท่าน ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์ ก็ไม่ควรเบิกบานใจ ไม่ควรดีใจ ไม่ควรกระเหิมใจในคำชมนั้น

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ในคำชมนั้น คำที่จริง ภิกษุทั้งหลายควรปฏิญาณให้เห็นโดยความเป็นจริงว่า นั่นจริง เพราะเหตุนี้ นั่นแท้ เพราะเหตุนี้ แม้คำนั้นก็มีในตน หาได้ในตน

และทรงกล่าวต่อไปว่า เมื่อคนกล่าวชมตถาคต จะพึงกล่าวด้วยประการใด นั่นมีประมาณน้อยนัก และยังต่ำนัก เพราะเป็นเพียงศีล (จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล)

แล้วทรงกล่าวว่า ยังมีธรรมอย่างอื่นอีกที่ลึกซึ้งเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด ที่ได้ทรงทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้ง ที่เป็นเหตุให้กล่าวชมพระผู้มีพระภาคตามความเป็นจริงโดยชอบ



อ่าน พรหมชาลสูตร

 

 

อ้างอิง
พรหมชาลสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๙ ข้อที่ ๑-๒๕ หน้า ๑-๑๐
ลำดับที่
2

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ

พระธรรม

ธรรมปฏิบัติ

พระธรรม

วิเวก

พระธรรม

ธรรมวิภังค์

พระธรรม

เวทัลลธรรม

พระธรรม

อานุภาพกรรม

พระธรรม

สุคติ สุคโต

พระธรรม

ฆราวาสธรรม