Main navigation

พรหมชาลสูตร ตอนที่ ๓

ว่าด้วย
อปรันตกัปปิกทิฏฐิ ๔๔
เหตุการณ์
ทรงกล่าวถึงทิฏฐิ ๔๔ ประการอันเกิดจากการปรารภขันธ์ส่วนอนาคต (ตายแล้วไปไหน)

อปรันตกัปปิกทิฏฐิ ๔๔

สมณพราหมณ์พวกหนึ่งกำหนดขันธ์ส่วนอนาคต มีความเห็นตามขันธ์ส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิดด้วยเหตุ ๔๔ ประการ

สัญญีทิฏฐิ ๑๖ - อัตตาหลังความตาย มีสัญญา

สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีทิฏฐิว่า อัตตาเหนือขึ้นไปจากการตาย มีสัญญา ย่อมบัญญัติว่า อัตตาเหนือขึ้นไปจากการตาย มีสัญญา

สมณพราหมณ์เหล่านั้นย่อมบัญญัติว่า เมื่อตาย
 
๑. อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญา
๒. อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญา
๓. อัตตาทั้งที่มีรูป ทั้งที่ไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญา
๔. อัตตาทั้งที่มีรูปก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญา
๕. อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญา 
๖. อัตตาที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญา
๗. อัตตาทั้งที่มีที่สุด ทั้งที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญา
๘. อัตตาทั้งที่มีที่สุดก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญา
๙. อัตตาที่มีสัญญาอย่างเดียวกัน ยั่งยืน มีสัญญา
๑๐. อัตตาที่มีสัญญาต่างกัน ยั่งยืน มีสัญญา
๑๑. อัตตาที่มีสัญญาย่อมเยา ยั่งยืน มีสัญญา
๑๒. อัตตาที่มีสัญญาหาประมาณมิได้ ยั่งยืน มีสัญญา
๑๓. อัตตาที่มีสุขอย่างเดียว ยั่งยืน มีสัญญา
๑๔. อัตตาที่มีทุกข์อย่างเดียว ยั่งยืน มีสัญญา
๑๕. อัตตาที่มีทั้งสุขทั้งทุกข์ ยั่งยืน มีสัญญา
๑๖. อัตตาที่มีทุกข์ก็มิใช่ สุขก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญา

ก็สมณพราหมณ์เหล่าใดมีทิฏฐิว่า อัตตาเหนือขึ้นไปจากการตายมีสัญญา ย่อมบัญญัติด้วยเหตุ ๑๖ ประการนี้เท่านั้น นอกจากนี้ไม่มี

อสัญญีทิฏฐิ ๘ - อัตตาหลังความตาย ไม่มีสัญญา

สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีทิฏฐิว่าอัตตาเหนือขึ้นไปจากการตาย ไม่มีสัญญา ย่อมบัญญัติว่า อัตตาเหนือขึ้นไปจากการตาย ไม่มีสัญญา ด้วยเหตุ ๘ ประการ

สมณพราหมณ์เหล่านั้นย่อมบัญญัติว่า เบื้องหน้าแต่ตาย

๑. อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา
๒. อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา
๓. อัตตาทั้งที่มีรูป ทั้งที่ไม่มีรูป ยั่งยืน ไม่มีสัญญา
๔. อัตตาทั้งที่มีรูปก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน ไม่มีสัญญา
๕. อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา
๖. อัตตาที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา
๗. อัตตาทั้งที่มีที่สุด ทั้งที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน ไม่มีสัญญา
๘. อัตตาทั้งที่มีที่สุดก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน ไม่มีสัญญา

ก็สมณพราหมณ์เหล่าใดมีทิฏฐิว่า อัตตาเหนือขึ้นไปจากการตายไม่มีสัญญา ย่อมบัญญัติด้วยเหตุ ๘ ประการนี้เท่านั้น นอกจากนี้ไม่มี

เนวสัญญีนาสัญญีทิฏฐิ ๘ - อัตตาหลังความตาย มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่

สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีทิฏฐิว่า อัตตาเหนือขึ้นไปจากการตาย มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ด้วยเหตุ ๘ ประการ

สมณพราหมณ์เหล่านั้นย่อมบัญญัติว่า เบื้องหน้าแต่ตาย

๑. อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
๒. อัตตาที่ไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
๓. อัตตาทั้งที่มีรูป ทั้งที่ไม่มีรูป ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
๔. อัตตาทั้งที่มีรูปก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีรูปก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญา ก็มิใช่
๕. อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
๖. อัตตาที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
๗. อัตตาทั้งที่มีที่สุด ทั้งที่ไม่มีที่สุด ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่
๘. อัตตาทั้งที่มีที่สุดก็มิใช่ ทั้งที่ไม่มีที่สุดก็มิใช่ ยั่งยืน มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่

ก็สมณพราหมณ์เหล่าใดมีทิฏฐิว่า อัตตาเหนือขึ้นไปจากการตาย มีสัญญาก็มิใช่ ไม่มีสัญญาก็มิใช่ ย่อมบัญญัติด้วยเหตุ ๘ ประการนี้เท่านั้น นอกจากนี้ไม่มี

อุจเฉททิฏฐิ ๗ - ตายแล้วขาดสูญ

สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีทิฏฐิว่าขาดสูญ ย่อมบัญญัติความ ขาดสูญ ความพินาศ ความเลิกเกิดของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ ด้วยเหตุ ๗ ประการ

๑. เพราะอัตตานี้มีรูป สำเร็จด้วยมหาภูตรูป ๔ มีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เพราะกายแตก ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมเลิกเกิด ฉะนั้น อัตตานี้จึงเป็นอันขาดสูญอย่างเด็ดขาด

๒. อัตตาที่กล่าวถึงมีอยู่จริง แต่อัตตานี้ใช่จะขาดสูญอย่างเด็ดขาดด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอย่างอื่นที่เป็นทิพย์ มีรูป เป็นกามาพจร บริโภคกวฬิงการาหาร เพราะกายแตก อัตตานั้นย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมเลิกเกิด อัตตานี้จึงเป็นอันขาดสูญอย่างเด็ดขาด

๓. อัตตาที่กล่าวถึงนั้นมีอยู่จริง แต่อัตตานี้ ใช่จะขาดสูญอย่างเด็ดขาดด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอย่างอื่นอีกที่เป็นทิพย์ มีรูป สำเร็จด้วยใจ มีอวัยวะใหญ่น้อยครบครัน มีอินทรีย์ไม่บกพร่อง เพราะกายแตก อัตตานี้จึงเป็นอันขาดสูญอย่างเด็ดขาด

๔. อัตตาที่กล่าวถึงมีอยู่จริง แต่อัตตานี้ใช่จะขาดสูญอย่างเด็ดขาดด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอย่างอื่นที่เข้าถึงชั้นอากาสานัญจายตนะ มีอารมณ์ว่า อากาศหาที่สุดมิได้ เพราะกายแตก อัตตานั้นย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ เมื่อตาย ย่อมเลิกเกิด อัตตานี้จึงเป็นอันขาดสูญอย่างเด็ดขาด

๕. อัตตาที่กล่าวถึงมีอยู่จริง แต่อัตตานี้ใช่จะขาดสูญอย่างเด็ดขาดด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอย่างอื่นที่เข้าถึงชั้นวิญญาณัญจายตนะ มีอารมณ์ว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ เพราะกายแตก อัตตานั้นย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ เมื่อตาย ย่อมเลิกเกิด อัตตานี้จึงเป็นอันขาดสูญอย่างเด็ดขาด

๖. อัตตาที่กล่าวถึงมีอยู่จริง แต่อัตตานี้ใช่จะขาดสูญอย่างเด็ดขาดด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอย่างอื่นที่เข้าถึงชั้นอากิญจัญญายตนะ มีอารมณ์ว่า ไม่มีอะไร เพราะกายแตก อัตตานั้นย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมเลิกเกิด อัตตานี้จึงเป็นอันขาดสูญอย่างเด็ดขาด

๗. อัตตาที่กล่าวถึงมีอยู่จริง แต่อัตตานี้ใช่จะขาดสูญอย่างเด็ดขาดด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ยังมีอัตตาอย่างอื่นที่เข้าถึงชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะกายแตก อัตตานั้นย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ เบื้องหน้าแต่ตาย ย่อมเลิกเกิด อัตตานี้ จึงเป็นอันขาดสูญอย่างเด็ดขาด

สมณะหรือพราหมณ์พวกใดมีทิฏฐิว่าขาดสูญ ย่อมบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ ความเลิกเกิดของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ ย่อมบัญญัติด้วยเหตุ ๗ ประการนี้ เท่านั้น นอกจากนี้ไม่มี

ทิฏฐธรรมนิพพานทิฏฐิ ๕ - นิพพานในปัจจุบัน

สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบัน ย่อมบัญญัติว่า นิพพานปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ ด้วยเหตุ ๕ ประการ คือ

๑. เพราะอัตตานี้เอิบอิ่ม พรั่งพร้อม เพลิดเพลินอยู่ด้วยกามคุณห้า ฉะนั้น จึงเป็นอันบรรลุนิพพานในปัจจุบัน อันเป็นธรรมอย่างยิ่ง

๒. อัตตาที่กล่าวถึงนั้น มีอยู่ แต่อัตตานี้ใช่จะบรรลุนิพพานปัจจุบันอันเป็นธรรมอย่างยิ่งด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เพราะกามทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา เพราะกามทั้งหลายแปรปรวนเป็นอย่างอื่น จึงเกิดความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส และความคับใจ เพราะอัตตานี้สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน จึงเป็นอันบรรลุนิพพานปัจจุบัน อันเป็นธรรมอย่างยิ่ง

๓. อัตตาที่กล่าวถึงนั้น มีอยู่ แต่อัตตานี้ใช่จะบรรลุนิพพานปัจจุบันอันเป็นธรรมอย่างยิ่งด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เพราะปฐมฌานนั้นหยาบ ด้วยยังมีวิตกและวิจารอยู่ เพราะอัตตานี้บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตก วิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ ฉะนั้น จึงเป็นอันบรรลุนิพพานปัจจุบันอันเป็นธรรมอย่างยิ่ง

๔. อัตตาที่กล่าวถึงนั้น มีอยู่ แต่อัตตานี้ใช่จะบรรลุนิพพานปัจจุบันอันเป็นธรรมอย่างยิ่งด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เพราะทุติยฌานนั้นหยาบ ด้วยยังมีปีติเป็นเหตุให้จิตกระเหิมอยู่ เพราะอัตตานี้มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติเสวยสุขอยู่ ฉะนั้น จึงเป็นอันบรรลุนิพพานปัจจุบันอันเป็นธรรมอย่างยิ่ง

๕. อัตตาที่กล่าวถึงนั้น มีอยู่ แต่อัตตานี้ใช่จะบรรลุนิพพานปัจจุบันอันเป็นธรรมอย่างยิ่งด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เพราะตติยฌานนั้นหยาบ ด้วยจิตยังคำนึงถึงสุขอยู่ เพราะอัตตานี้บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์ เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัส โทมนัสก่อน ๆ ได้ ฉะนั้น จึงเป็นอันบรรลุนิพพานปัจจุบันอันเป็นธรรมอย่างยิ่ง

ก็สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่งมีทิฏฐิว่า นิพพานในปัจจุบันเป็นธรรมอย่างยิ่งของสัตว์ผู้ปรากฏอยู่ ย่อมบัญญัติด้วยเหตุ ๕ ประการนี้เท่านั้น นอกจากนี้ไม่มี

ก็สมณะหรือพราหมณ์พวกใดกำหนดขันธ์ส่วนอนาคต มีความเห็นตามขันธ์ส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมดย่อมกล่าวด้วยเหตุ ๔๔ ประการนี้เท่านั้น หรือแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ไม่มี

ก็สมณะหรือพราหมณ์พวกใดกำหนดขันธ์ส่วนอดีตก็ดี กำหนดขันธ์ส่วนอนาคตก็ดี กำหนดขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคตก็ดี มีความเห็นตามขันธ์ทั้งส่วนอดีต ทั้งส่วนอนาคต ปรารภขันธ์ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต กล่าวคำแสดงทิฏฐิหลายชนิด สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ย่อมกล่าวด้วยเหตุ ๖๒ ประการนี้เท่านั้น หรือแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ไม่มี

พระผู้มีพระภาครู้ชัดว่าฐานะที่ตั้งแห่งทิฏฐิเหล่านี้ บุคคลถืออย่างนั้นแล้ว ยึดแล้ว ย่อมมีคติอย่างนั้น มีภพเบื้องหน้าอย่างนั้น และทรงรู้ชัดยิ่งกว่านั้น ทั้งไม่ยึดมั่นความรู้ชัดนั้นด้วย 

เมื่อไม่ยึดมั่นก็ทราบความเกิดขึ้น ความดับไป คุณและโทษของเวทนาทั้งหลาย กับทั้งอุบายเป็นเครื่องออกไปจากเวทนาเหล่านั้นตามความเป็นจริง จึงทราบความดับได้เฉพาะตน เพราะไม่ยึดมั่น จึงทรงหลุดพ้น

ธรรมเหล่านี้ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้เฉพาะบัณฑิต ซึ่งตถาคตทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้ง ที่เป็นเหตุให้กล่าวชมพระผู้มีพระภาคตามความเป็นจริงโดยชอบ




อ่าน พรหมชาลสูตร
 

อ้างอิง
พรหมชาลสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๙ ข้อที่ ๔๕-๘๘ หน้า ๒๘-๔๓
ลำดับที่
4

Keywords

ทิฏฐิ

สถานการณ์

การปฏิบัติธรรม

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ

พระธรรม

ธรรมปฏิบัติ

พระธรรม

วิเวก

พระธรรม

ธรรมวิภังค์

พระธรรม

เวทัลลธรรม

พระธรรม

อานุภาพกรรม

พระธรรม

สุคติ สุคโต

พระธรรม

ฆราวาสธรรม