ความต้องการการยอมรับ
กราบเรียนท่านอาจารย์ครับ ผมได้ฟังไฟล์เสียงท่านอาจารย์ที่สอนว่า ความต้องการการยอมรับเป็นที่รวมแห่งตัณหาทั้งหลาย ผมพยายามวิปัสสนาตาม แต่เห็นไม่ครบครับ ภวตัณหากับความต้องการการยอมรับพอเข้าใจได้ง่าย ส่วนวิภวตัณหา กับกามตัณหา มองไม่ออกเลยครับ ขอความกรุณาท่านอาจารย์ให้ความกระจ่างด้วยครับ
กามตัณหา
เมื่อบุคคลปรารถนากามในบุคคลอื่นก็ต้องการการยอมรับจากคนอื่นที่จะให้ตนเข้าไปรุกล้ำโซนส่วนตัว ครั้นเขาไม่อนุญาตก็อกหักผิดหวังเป็นทุกข์ ครั้นเขาอนุญาตก็เป็นภาระผูกพันรับผิดชอบ ก็ทุกข์เพราะความหวง ห่วง ยึดถือ ผูกมัด
ภวตัณหา
เมื่อบุคคลบัญญัติสมมติขึ้นว่า ฉันเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ต้องการให้คนอื่นยอมรับตนตามที่ตนสมมติไว้ ครั้นเขาไม่ยอมรับ ก็น้อยใจ เรียกร้องความสนใจ พยายามพิสูจน์ตนให้เขายอมรับสมมติของตนให้ได้ เมื่อถูกปฏิเสธบ่อย ๆ อัตตาที่ปั้นขึ้นมาก็รวดร้าว ระทม น้อยใจว่าเขาไม่เข้าใจไม่ยอมรับ พฤติกรรมก็ประชดประชัน
วิภวตัณหา
เมื่อตนไม่ชอบใคร หรืออะไร ก็จะพยายามเผยแพร่ความเกลียดชังให้คนอื่นยอมรับว่าทิฏฐิของตนถูก ต้องการให้เขายอมรับร่วมเกลียดชังด้วย เมื่อชนเกลียดกันและกัน ความแตกแยกก็เกิดขึ้น เมื่อแตกแยก วิบัตินานาก็เกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหลายก็ตามมา
รากเหง้า
ความต้องการการยอมรับทั้งหมดมาจากรากคือ "อัตตา" ลำต้นคือทิฏฐิ มีดอกสามกลีบคือ กลีบกาม กลีบภวะ กลีบวิภวะ มีผลคือความอึดอัดขมขื่นรวดร้าว
ความต้องการการยอมรับนี้เองที่ก่อให้เกิดอาการประสาทมากมาย ปรุงแต่งตนให้เป็นที่สนใจ จิตใจโหยหาเหยื่อมายอมรับตน เรียกร้องความสนใจ ไม่ได้ก็ประชดประชัน เอาการยอมรับ-ไม่ยอมรับของคนอื่นมาบีบจิตตัวเอง บางทีก็ไปบีบจิตคนอื่นให้ยอมรับตนให้ได้ เกิดกรรมเบียดเบียนจิตใจตามมามาก ทั้งหมดนี้คือความไร้อิสรภาพ ไร้ความสุข ทุกข์งอกงาม
มรรควิธี
1. เอาตัวตนออกเสียก็จบกิจ
2. หากยังเอาตัวตนออกไม่ได้ ก็อย่านิยามตนให้เป็นอะไร ๆ ปล่อยรู้ว่างเลย
3. กำหนดจิตในจิต จะพบความสุขยิ่งใหญ่ สะอาด อิสระกว่าการยอมรับจากใคร ๆ ในโลก แล้วจะไม่ต้องการการยอมรับอันฉาบฉวยจากใคร ๆ อีก
4. ปล่อยวางการปรุงแต่งความเป็น ความไม่เป็น และการเสพให้ขาดจากจิต จนอิสระ เมื่อนั้นนอกจากจะไม่ต้องการการยอมรับจากใครเลยแล้ว ยังจะสามารถให้การยอมรับคนอื่นได้ แม้เขาเข้าใจ หรือไม่เข้าใจตนก็ตาม และที่สำคัญจะไม่กินการยอมรับและไม่ยอมรับของใคร ๆ เลย จะเห็นชัดว่าการยอมรับและการไม่ยอมรับเป็นของเขาล้วน ๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับตนแม้แต่น้อย
5. เมื่อจิตอิสระบริสุทธิ์สมบูรณ์แล้ว ก็จะเลือกไปมาหาสู่กับอิสรจิตอันบริสุทธิ์เช่นกัน ซึ่งเป็นสังคมที่ไร้การเรียกร้องต้องการใด ๆ มีแต่ต่างเกื้อกูลกันอย่างหมดจด เป็นสังคมล้ำค่าที่เลอเกียรติมาก
เคล็ดความจริงในโลกแห่งความเป็นจริง
ใครที่ต้องการการยอมรับมาก มักไม่ได้รับการยอมรับ เพราะจะ
1) ปรุงแต่งจนผิดเพี้ยนธรรมชาติหลอกตนลวงคนอื่น
2) สร้างภาระเกินจำเป็นในชีวิตมากมายจนเหนื่อยยาก
3) โหยหาจนจิตใจพร่องอ่อนพลัง
4) ยื้อแย่งกระทบกันเองในหมู่ผู้ที่ต่างต้องการการยอมรับจากกันและกัน
5) จิตเป็นทาสความรู้สึกของคนอื่น ฟูแฟบตามเหตุการณ์ต่าง ๆ เสียสติ สิ้นสมาธิ
6) แสดงความประสาทโดยไม่รู้ตัว
7) ทำลายความสัมพันธ์ดี ๆ ที่มีอยู่โดยไม่ตั้งใจ
8) ปัญญาหาย โมหะและอวิชชาโต
9) ตรงสู่ความทุกข์ เลอะเทอะโดยไม่จำเป็น
10) หาได้ง่าย มีอยู่เกลื่อนโลก จึงไม่เป็นที่ต้องการ และมักกลายเป็นที่น่ารังเกียจ
ใครที่ไม่ต้องการการยอมรับจากคนอื่น มักได้รับการยอมรับโดยง่าย เพราะ
1) เป็นธรรมชาติเป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง
2) ชีวิตมีภาระน้อย เรียบง่าย สุขสงบ สบาย ๆ
3) จิตใจอิ่มเต็ม มีพลังภายในเสมอ
4) ไม่ยื้อแย่งแข่งกับใคร สงบสุขภายในได้ตลอด
5) จิตเป็นอิสระไม่ต้องอาศัยความรู้สึกของใครมาประกอบ
6) มักฉายธรรมฉลาดโดยไม่ตั้งใจ
7) สร้างความสัมพันธ์อันประเสริฐ ต่างเคารพให้เกียรติกันอย่างเป็นอิสระจากกันแม้ไม่ตั้งใจ
8) ปัญญาเติบโต โมหะหาย อวิชชาฝ่อ
9) ตรงสู่ความสุข ความบริสุทธิ์ง่าย ๆ
10) หาได้ยากในโลก จึงเป็นที่ต้องการและเป็นที่เคารพมาก
เอาไปพิจารณา แล้วปรับจิตและชีวิตให้อิสรสุขล้ำค่าภายในนะครับ