ผลแห่งทานอันพึงเห็นได้ในปัจจุบัน
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่กุฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ใกล้เมืองเวสาลี ครั้งนั้น สีหเสนาบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลให้พระองค์ทรงบัญญัติผลแห่งทานที่จะพึงเห็นได้ในปัจจุบัน
ผลแห่งทานที่จะพึงเห็นได้ในปัจจุบัน
๑. เป็นที่รักที่ชอบใจของชนเป็นอันมาก
๒. สัตบุรุษผู้สงบคบหา
๓. กิตติศัพท์อันงามย่อมขจรไป
๔. เป็นผู้องอาจไม่เก้อเขิน เมื่อต้องเข้าไปสู่ที่ประชุมของกษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี หรือสมณะ
ส่วนผลแห่งทานที่จะพึงได้ในสัมปรายภพ คือ เมื่อตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติ
บัณฑิตผู้หวังสุข ขจัดมลทิน คือ ความตระหนี่ แล้วให้ทาน ย่อมประดิษฐานในไตรทิพย์ ถึงความเป็นสหายของเทวดา บัณฑิตได้ทำกุศล เมื่อตายไปย่อมเที่ยวชมไปในอุทยานนันทนวัน เพียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕ สาวกทั้งปวงของพระสุคตผู้ไม่มีกิเลส ทำตามพระดำรัสของพระองค์แล้ว ย่อมร่าเริงทุกเมื่อ
ผลแห่งทาน ๖ ข้อที่ประจักษ์ได้ในปัจจุบันของคนที่มีศรัทธา เป็นทานบดี คือ
จะได้รับการ (๑) อนุเคราะห์ (๒) เข้าไปหา (๓) รับของ (๔) แสดงธรรมก่อนจากพระอรหันต์ทั้งหลาย (๕) กิตติศัพท์อันงามพึงขจรไป (๖) และเป็นผู้แกล้วกล้าไม่เก้อเขิน เมื่อต้องเข้าไปสู่บริษัทของกษัตริย์ พราหมณ์ คฤหบดี หรือสมณะ
เมื่อตายไป จะได้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
อานิสงส์แห่งการให้ทาน ๕ ประการ
๑. เป็นที่รักที่ชอบใจของชนหมู่มาก
๒. สัปบุรุษผู้สงบคบหา
๓. กิตติศัพท์อันงามขจรทั่วไป
๔. ไม่ห่างเหินจากธรรมของคฤหัสถ์
๕. เมื่อตายไปแล้วได้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
ผู้ให้ทานย่อมเป็นที่รักของชนเป็นอันมาก ชื่อว่าดำเนินตามธรรมของสัปบุรุษ สัปบุรุษผู้สงบผู้สำรวมอินทรีย์ ประกอบพรหมจรรย์ย่อมคบหาผู้ให้ทานทุกเมื่อ สัปบุรุษเหล่านั้นย่อมแสดงธรรมเป็นที่บรรเทาทุกข์ทั้งปวงแก่เขา เขาได้ทราบชัดแล้ว ย่อมเป็นผู้หาอาสวะมิได้ ปรินิพพานในโลกนี้ ฯ
กาลทาน ๕ ประการ
ได้แก่ ทายกย่อมให้ทาน แก่ผู้ที่มาสู่ถิ่นของตน ผู้ที่เตรียมจะไป ให้ทานในสมัยข้าวแพง ให้ข้าวใหม่แก่ผู้มีศีล และให้ผลไม้ใหม่แก่ผู้มีศีล
ผู้มีปัญญา ปราศจากความตระหนี่ ย่อมให้ทานในกาลที่ควรให้ เพราะผู้ให้ทานตามกาลในพระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติซื่อตรง มีจิตผ่องใส ทักขิณาทานจึงจะมีผลไพบูลย์
เหล่าชนอนุโมทนาหรือช่วยเหลือในทักขิณาทานนั้น ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญ ดังนั้น ผู้มีจิตไม่ท้อถอยจึงควรให้ทานในเขตที่มีผลมาก บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก