Main navigation

กำเนิดที่ต่างกัน

ว่าด้วย
พระติสสเถระผู้เข้าถึงสกุลนายช่างแก้ว
เหตุการณ์
พระผู้มีพระภาคเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระชื่อติสสะ ผู้เกิดในสกุลนายช่างแก้ว

พระผู้มีพระภาคตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า    

พระติสสเถระนั้นฉันภัตอยู่ในสกุลของนายมณีการผู้หนึ่งเป็นเวลา ๑๒ ปี ภรรยาและสามีในสกุลนั้นตั้งอยู่ในฐานะเพียงมารดาและบิดา ปฏิบัติพระเถระอยู่

อยู่มาวันหนึ่ง นายมณีการกำลังนั่งหั่นเนื้อข้างหน้าพระเถระ ในขณะนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงส่งแก้วมณีดวงหนึ่งไปให้นายช่างขัดและเจียระไนแก้วมณีนี้แล้วส่งมา

นายมณีการรับแก้วนั้น ด้วยมือเปื้อนโลหิต วางไว้บนเขียง แล้วก็เข้าไปข้างในเพื่อล้างมือ

นกกระเรียนที่เขาเลี้ยงไว้อยู่กลืนกินแก้วมณีด้วยสำคัญว่าเนื้อ เพราะกลิ่นโลหิต พระเถระเห็นเหตุการณ์นั้น

เมื่อนายมณีการกลับมาไม่เห็นแก้วมณี จึงถามภริยา ธิดา และบุตร โดยลำดับว่า พวกเขาเอาแก้วมณีไปหรือ

คนเหล่านั้นกล่าวว่า มิได้เอาไป เขาจึงคิดว่า พระเถระเอาไป จึงปรึกษากับภริยา ภริยาบอกว่า นางไม่เคยเห็นโทษอะไร ๆ ของพระเถระเลย นายเองคงเอาแก้วมณีไป เป็นแน่

นายมณีการจึงถามพระเถระว่า ท่านเอาแก้วมณีในที่นี้ไปหรือ พระเถระตอบว่า ไม่ได้เอาไป

นายมณีการพูดกะภริยาว่า พระเถระเอาแก้วมณีไปแน่ จักบีบคั้นถามท่าน

ภริยากล่าวว่าอย่าให้พวกตนฉิบหายเลย พวกตนเข้าถึงความเป็นทาสเสีย ยังประเสริฐกว่า ก็การกล่าวหาพระเถระนี้ ไม่ประเสริฐเลย

นายช่างแก้วนั้นกล่าวว่าพวกตนทั้งหมดข้าถึงความเป็นทาส ยังไม่เท่าค่าแก้วมณี

แล้วเอาเชือกพันศีรษะพระเถระ ขันด้วยท่อนไม้ โลหิตไหลออกจากศีรษะ หู และจมูกของพระเถระ นัยน์ตาทั้งสองข้างทะเล้นออก ท่านเจ็บปวดมาก ก็ล้มลงพื้น

นกกะเรียนมาด้วยกลิ่นโลหิต ดื่มกินโลหิตด้วยกำลังความโกรธที่เกิดขึ้นในพระเถระ นายมณีการจึงเตะมันด้วยเท้า แล้วเขี่ยไป

นกกะเรียนนั้นล้มกลิ้งตายด้วยการเตะทีเดียวเท่านั้น พระเถระเห็นนกนั้น จึงกล่าวให้ผ่อนเชือกพันศีรษะของท่านให้หย่อนก่อน แล้วพิจารณาดูนกกะเรียนนี้ ว่ามันตายแล้วหรือยัง

นายช่างแก้วจึงกล่าวว่า แม้ท่านก็จักตายเช่นนกนั่น

พระติสสะเถระบอกว่านกตัวนี้กลืนกินเข้าไปแล้ว หากนกนี้ไม่ตาย ท่านแม้จะตาย ก็จักไม่บอกว่า แก้วมณีอยู่ที่ไหน

เขาแหวะท้องนกนั้นพบแก้วมณีแล้ว งกงันอยู่ มีใจสลด หมอบลงใกล้เท้าของพระเถระ ขอจงยกโทษให้

พระติสสะเถระกล่าวว่า โทษของท่านไม่มี ของเราก็ไม่มี มีแต่โทษของวัฏฏะเท่านั้น เรายกโทษแก่ท่าน

นายมณีการได้ขอให้พระเถระนั่งรับภิกษาในเรือนของตนตามเดิม

พระติสสะเถระกล่าวว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านจักไม่เข้าไปภายในชายคาเรือนของผู้อื่น เพราะว่านี้เป็นโทษแห่งการเข้าไปภายในเรือนโดยตรง ท่านจักยืนที่ประตูเรือนรับภิกษาเท่านั้น แล้วสมาทานธุดงค์กล่าวคาถานี้ว่า

ภัตในทุกสกุล ๆ ละนิดหน่อย อันเขาหุงไว้เพื่อมุนี เราจักเที่ยวไปด้วยปลีแข้ง กำลังแข้งของเรายังมีอยู่

พระเถระกล่าวคาถานี้แล้ว ในกาลไม่นานนัก ก็ปรินิพพานด้วยพยาธินั้นนั่นเอง

นกกระเรียนได้ถือปฏิสนธิในท้องแห่งภริยาของนายช่างแก้ว นายช่างแก้วเสียชีวิตแล้ว ก็บังเกิดในนรก ภริยาของนายช่างแก้วเสียชีวิตแล้ว เกิดในเทวโลก เพราะความเป็นผู้มีจิตอ่อนโยนต่อพระเถระ

ภิกษุทั้งหลายทูลถามอภิสัมปรายภพของชนเหล่านั้นกะพระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า

สัตว์บางจำพวกในโลกนี้ย่อมเกิดในครรภ์ บางจำพวกทำกรรมลามก ย่อมเกิดในนรก บางจำพวกทำกรรมดีแล้ว ย่อมเกิดในเทวโลก ส่วนผู้ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน

เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า

ชนทั้งหลายบางพวก ย่อมเข้าถึงครรภ์
ผู้มีกรรมลามก ย่อมเข้าถึงนรก
ผู้มีกรรมเป็นเหตุแห่งสุคติ ย่อมไปสวรรค์
ผู้ไม่มีอาสวะ ย่อมปรินิพพาน

ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลายมีโสดาปัตติผล เป็นต้น ดังนี้แล.

 

 

อ่าน
คาถาธรรมบท ปาปวรรค
อรรถกถาเรื่อง พระติสสเถระผู้เข้าถึงสกุลนายช่างแก้ว

 

อ้างอิง
คาถาธรรมบท ปาปวรรค พระไตรปิฎก ฉบับหลวง ๒๕/๑๙/๒๒ และอรรถกถาเรื่อง พระติสสเถระผู้เข้าถึงสกุลนายช่างแก้ว พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ ๔๒ หน้าที่ ๕๐-๕๓
ลำดับที่
28

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ