Main navigation

เปสลาติมัญญนาสูตร

ว่าด้วย
การนึกดูหมิ่นภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก
เหตุการณ์
ท่านพระวังคีสะนึกดูหมิ่นภิกษุท่านอื่น ได้มีความคิดว่าท่านได้ชั่วไม่ได้ดีแล้ว ท่านจึงยังความวิปฏิสารให้เกิดขึ้นแก่ตนด้วยตนเอง

สมัยหนึ่ง ท่านพระวังคีสะอยู่ที่อัคคาฬวเจดีย์ เขตเมืองอาฬวี กับท่านพระนิโครธกัปปะผู้อุปัชฌาย์ ท่านพระวังคีสะนึกดูหมิ่นภิกษุทั้งหลายผู้มีศีลเป็นที่รักด้วยปฏิภาณของตน ท่านพระวังคีสะจึงมีความคิดว่าไม่เป็นลาภ ไม่ใช่ลาภของท่าน ท่านได้ชั่ว ไม่ได้ดีเสียแล้ว ที่ดูหมิ่นภิกษุทั้งหลาย

ท่านพระวังคีสะยังความวิปฏิสารให้เกิดขึ้นแก่ตนด้วยตนเองแล้ว ได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ในเวลานั้นว่า

ท่านผู้เป็นสาวกของพระโคดม ท่านจงละมานะเสีย ท่านจงละหนทางแห่งมานะในโลกนี้เสีย ท่านจงเป็นผู้ละหนทางแห่งมานะในโลกนี้เสีย อย่าให้มีส่วนเหลือได้ (เพราะ) หมู่สัตว์ผู้อันความลบหลู่ทำให้มัวหมองแล้ว ย่อมเป็นผู้มีความเดือดร้อนตลอดกาลนาน

สัตว์ทั้งหลายผู้อันมานะกำจัดแล้วย่อมตกนรก ชนทั้งหลายผู้อันมานะกำจัดแล้ว เข้าถึงนรกแล้ว ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน

ภิกษุผู้ชนะกิเลสด้วยมรรค เป็นผู้ปฏิบัติชอบ ย่อมไม่เศร้าโศกเลยในกาลไหน ๆ ย่อมได้รับเกียรติคุณและความสุข บัณฑิตทั้งหลายย่อมเรียกภิกษุ ผู้เช่นนั้นว่าเป็นผู้เห็นธรรม

เพราะฉะนั้น ท่านจงเป็นผู้ไม่มีกิเลสเพียงตะปูเครื่องตรึงใจในโลกนี้ เป็นผู้มีความเพียร จงละนิวรณ์ทั้งหลายเสีย เป็นผู้บริสุทธิ์ และละมานะอย่าให้มีส่วนเหลือ แล้วทำที่สุดแห่งกิเลสด้วยวิชชา เป็นผู้สงบระงับ

 

 

อ่าน เปสลาติมัญญนาสูตร

 

 

อ้างอิง
เปสลาติมัญญนาสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๕ ข้อที่ ๗๓๓-๗๓๔
ชุดที่
ลำดับที่
21

สถานการณ์

การปฏิบัติธรรม

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ