ฉันโนวาทสูตร
พระสารีบุตรถามพระฉันนะว่ายังพออดทนได้หรือ ทุกขเวทนาลดลง ไม่กำเริบหรือ
พระฉันนะกล่าวกับพระสารีบุตรว่าทุกขเวทนาของตนกำเริบหนัก ไม่ทุเลาลงเลย อยากนำศาสตรามาปลิดชีพตนเอง
พระสารีบุตรบอกแก่พระฉันนะว่าอย่าฆ่าตัวตาย ให้ยังมีชีวิตอยู่ หากพระฉันนะไม่มีอาหาร ไม่มียา ไม่มีคนดูแล พระสารีบุตรจะหาอาหาร หายา และดูและพระฉันนะเอง
พระฉันนะกล่าวว่าตนนั้นมีอาหาร มีเภสัชอยู่ มีคนคอยดูแล และตนก็ได้เคยดูและพระศาสดามานานด้วยความพอพระทัย จะฆ่าตัวตายโดยไม่ให้โดนตำหนิ
พระสารีบุตรถามพระฉันนะว่า
เห็นจักษุ จักษุวิญญาณและธรรมทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุวิญญาณ
เห็นโสต โสตวิญญาณและธรรมทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยโสต ฃวิญญาณ
เห็นฆานะ ฆานวิญญาณและธรรมทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยฆานวิญญาณ
เห็นชิวหา ชิวหาวิญญาณและธรรมทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหาวิญญาณ
เห็นกาย กายวิญญาณและธรรมทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยกายวิญญาณ
เห็นใจ มโนวิญญาณ และธรรมทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณ
ว่านั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเราหรือ
พระฉันนะตอบว่า ไม่ใช่ พระสารีบุตรจึงถามต่อไปว่าพระฉันนะเห็นอย่างไร รู้อย่างไรว่าไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่เป็นตัวตนของเรา
พระฉันนะตอบว่า
เพราะเห็นความดับ รู้ความดับในจักษุ ในจักษุวิญญาณ ในธรรมที่รู้ได้ด้วยจักษุ จึงพิจารณาเห็นจักษุ จักษุวิญญาณ ธรรมที่รู้ได้ด้วยจักษุวิญญาณว่า นั่นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
เพราะเห็นความดับ รู้ความดับในโสต ในโสตวิญญาณ ในธรรมที่รู้ได้ด้วยโสตวิญญาณ จึงพิจารณาเห็นโสต โสตวิญญาณ ธรรมที่รู้ได้ด้วยโสตวิญญาณว่า นั่นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
เพราะเห็นความดับ รู้ความดับในฆานะ ในฆานะ วิญญาณ ในธรรมที่รู้ได้ด้วยฆานะวิญญาณ จึงพิจารณาเห็นฆานะ ฆานวิญญาณ ธรรมที่รู้ได้ด้วยฆาณวิญญาณว่า นั่นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
เพราะเห็นความดับ รู้ความดับในชิวหา ในชิวหาวิญญาณ ในธรรมที่รู้ได้ด้วยชิวหาวิญญาณ จึงพิจารณาเห็นชิวหา ชิวหาวิญญาณ ธรรมที่รู้ได้ด้วยชิวหาวิญญาณว่า นั่นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
เพราะเห็นความดับ รู้ความดับในกาย ในกายวิญญาณ ในธรรมที่รู้ได้ด้วยกายวิญญาณ จึงพิจารณาเห็นกาย กายวิญญาณ ธรรมที่รู้ได้ด้วยกายวิญญาณว่า นั่นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
เพราะเห็นความดับ รู้ความดับในมโน ในมโนวิญญาณ ในธรรมที่รู้ได้ด้วยมโนวิญญาณ จึงพิจารณาเห็นมโน มโนวิญญาณ ธรรมที่รู้ได้ด้วยมโนวิญญาณว่า นั่นไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาของเรา
ที่สุดแห่งทุกข์
เมื่อท่านพระฉันนะกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระมหาจุนทะได้กล่าวกะท่านพระฉันนะว่า เพราะเหตุนั้น แม้ความพิจารณาเห็นนี้เป็นคำสอนของพระผู้มีพระภาค พึงทำไว้ในใจให้ดีตลอดกาลเป็นนิตย์ไป
บุคคลผู้อันตัณหาและทิฐิฉาบทาอยู่แล้ว ย่อมมีความหวั่นไหว
สำหรับผู้ไม่มีตัณหาและทิฐิฉาบทาแล้ว ย่อมไม่มีความหวั่นไหว
เมื่อไม่มีความหวั่นไหว ก็มีความสงบ
เมื่อมีความสงบ ก็ไม่มีตัณหาตัวน้อมไปสู่ภพ
เมื่อไม่มีตัณหาตัวน้อมไปสู่ภพ ก็ไม่มีการมาเกิด ไปเกิด
เมื่อไม่มีการมาเกิดไปเกิด ก็ไม่มีจุติและอุปบัติ
เมื่อไม่มีจุติและอุปบัติ ก็ไม่มีโลกนี้ ไม่มีโลกหน้า ไม่มีระหว่างกลางทั้งสองโลก นี่แหละที่สุดแห่งทุกข์
เมื่อพระสารีบุตรและพระมหาจุนทะจากไป พระฉันนะก็ได้ฆ่าตัวตาย
พระสารีบุตรทูลถามพระพุทธเจ้าว่าพระฉันนะมีคติเป็นเช่นใด มีสัมปรายภพอย่างใด พระพุทธเจ้าไม่ได้ตำหนิที่พระฉันนะฆ่าตัวตายเพราะพระฉันนะไม่ได้ทิ้งกายนี้ไปเพื่อกายอื่น
อ่าน ฉันนสูตร