บุพกรรมของเปรต ๔ ตน
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี มีพ่อค้าโกงคนหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยทางที่ผิด เช่น การโกงด้วยตราชั่ง โดยเอาฟ่อนข้าวสาลีเคล้าด้วยดินแดงเพื่อให้น้ำหนักมากกว่าเดิม แล้วปนกับข้าวสาลีแดงออกขาย
ส่วนบุตรของเขาโกรธที่บิดาไม่ยอมให้เกียรติเพื่อนของตนที่มาสู่เรือน จึงเอาเชือกหนัก ๒ เส้น ตีศีรษะมารดา
ฝ่ายลูกสะใภ้ของเขาได้ขโมยกินเนื้อที่เก็บไว้สำหรับชนทั้งปวง แต่เมื่อถูกถามกลับโกหกว่าไม่ได้กิน และกล่าวว่าถ้าตนกินจริง ขอให้ต้องเฉือนเนื้อสันหลังของตนแล้วกินทุกภพไป
ส่วนภรรยาของเขา เมื่อมียาจกมาขอของที่มีอยู่ นางก็เก็บซ่อนเอาไว้ ไม่เคยให้ โกหกว่าไม่มีของ และกล่าวว่าถ้าตนมีของแต่บอกว่าไม่มี ขอให้เป็นผู้มีอุจจาระเป็นอาหาร ในที่ที่ไปเกิด
ต่อมาเมื่อทั้ง ๔ คนนั้นเสียชีวิต ได้เกิดเป็นเปรตในดงไฟไหม้ เสวยทุกข์เป็นอันมาก โดยพ่อค้าโกงใช้มือทั้งสองข้างกอบเอาแกลบที่ลุกโพลงด้วยผลกรรม แล้วเกลี่ยลงบนศีรษะของตนเอง ส่วนบุตรของเขาก็ใช้ค้อนเหล็กตีศีรษะตนเอง ฝ่ายลูกสะใภ้ใช้เล็บที่ทั้งกว้าง ยาว และคม กรีดเนื้อแผ่นหลังของตนเองกิน ส่วนภรรยาของเขาเมื่อน้อมนำข้าวสาลีที่มีกลิ่นหอมบริสุทธิ์ดี ปราศจากด่างดำเข้ามา ข้าวสาลีนั้นก็กลับกลายเป็นอุจจาระ เต็มไปด้วยด้วยหนอนนานาชนิด มีกลิ่นเหม็นและน่าเกลียดยิ่งนัก นางเอามือทั้งสองข้างกอบอุจจาระนั้นกิน
พระมหาโมคคัลลานะนำเรื่องนั้นกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาค ซึ่งพระองค์ทรงทำเรื่องนั้นให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุแล้ว จึงทรงแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ถึงพร้อม เทศนานั้นมีประโยชน์แก่มหาชน
อ่าน ภุสเปตวัตถุ