ฉุดภิกษุทุศีลออกจากที่ประชุมสงฆ์
ครั้งหนึ่ง ในวันอุโบสถ เมื่อปฐมยามสิ้นไป ท่านพระอานนท์ กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ปฐมยามสิ้นไปแล้ว ภิกษุสงฆ์นั่งอยู่นานแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระอานนท์กราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ทรงนิ่งอยู่
แม้ครั้งที่ ๒ มัชฌิมยามสิ้นไปแล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่ามัชฌิมยามสิ้นไปแล้ว ภิกษุสงฆ์นั่งอยู่นานแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลาย
แม้ครั้งที่ ๒ พระผู้มีพระภาคได้ทรงนิ่งอยู่
แม้ครั้งที่ ๓ ปัจฉิมยามสิ้นไปแล้ว อรุณขึ้นไปแล้ว จวนสว่างแล้ว พระอานนท์ได้กราบทูลว่า ราตรีล่วงไปแล้ว ปัจฉิมยามสิ้นไปแล้ว อรุณขึ้นไปแล้ว จวนสว่างแล้ว ภิกษุสงฆ์นั่งอยู่นานแล้ว อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายเถิด
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บริษัทยังไม่บริสุทธิ์
พระมหาโมคคัลลานะดำริว่า พระผู้มีพระภาคทรงหมายถึงใครหนอ
แล้วกำหนดใจของภิกษุสงฆ์ทุกหมู่เหล่าด้วยใจของตนแล้ว ได้พิจารณาเห็นบุคคลผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก มีความประพฤติไม่สะอาดน่ารังเกียจ มีการงานปกปิด ไม่เป็นสมณะปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี ผู้เน่าใน ผู้อันราคะรั่วรดแล้ว ผู้เป็นดุจหยากเยื่อ นั่งอยู่ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์
พระมหาโมคคัลลานะจึงเข้าไปหาบุคคลนั้น แล้วได้กล่าวกะบุคคลให้ลุกขึ้น พระผู้มีพระภาคเห็นท่านแล้ว ท่านไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ร่วมกับภิกษุทั้งหลาย ถึง ๓ ครั้ง บุคคลนั้นก็ได้นิ่งเสีย
พระมหาโมคคัลลานะจับบุคคลนั้นที่แขน ฉุดให้ออกไปจากภายนอกซุ้มประตู ใส่กลอนแล้ว กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ได้ให้บุคคลนั้นออกไปแล้ว บริษัทบริสุทธิ์แล้ว ขอพระผู้มีพระภาคทรงแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายเถิด
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ไม่เคยมีมา โมฆบุรุษนี้อยู่จนกระทั่งต้องจับแขนฉุดออกไป แล้วตรัสต่อไปว่า
ตั้งแต่นี้ต่อไป จักไม่ทรงแสดงแสดงปาติโมกข์ ภิกษุทั้งหลายนั่นแลพึงกระทำอุโบสถ แสดงปาติโมกข์
การที่พระตถาคตจะพึงแสดงปาติโมกข์เมื่อบริษัทไม่บริสุทธิ์นั้น มิใช่ฐานะ มิใช่โอกาส
อ่าน อุโปสถสูตร