Main navigation

กำราบเจ้าลัทธิ

เหตุการณ์
พระพุทธเจ้าให้โมคคัลลานะไปปราบอัคคิทัตพราหมณ์ผู้มีฤษีติดตามอยู่ ๕๐๐ ตน เมื่อพระโมคัลลานะแสดงฤทธิ์ให้แก่อัคคิทัตพราหมณ์และเหล่าฤษีจนเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าก็ได้แสดงธรรมเทศนาเรื่องไตรสรณคมณ์ อริยสัจ ๔ และมรรค ๘ แล้ว ฤษีทั้งหมดก็บรรลุอรหัตตผล

เมื่อพระเจ้ามหาโกศลสวรรคต พระเจ้าปเสนทิโกศลซึ่งเป็นพระราชโอรส ได้ขึ้นครองราชย์สมบัติแทน พระองค์ทรงให้ความเคารพอัคคิทัต ซึ่งเป็นปุโรหิตของพระบิดา โดยทำการเสด็จลุกรับ พระราชทานอาสนะเสมอกัน แม้เช่นนั้น อัคคิทัตก็คิดว่าพระราชายังเยาว์วัย ซึ่งความเป็นพระราชากับผู้ที่มีวัยเสมอกันเป็นเหตุให้เกิดสุข ส่วนตนเป็นคนแก่ ควรออกบวช

อัคคิทัตจึงสละทรัพย์ของตนทั้งหมดให้ทานตลอด ๗ วัน แล้วออกบวช โดยมีบุรุษหมื่นหนึ่งออกบวชตามเขา ทั้งหมดอาศัยอยู่ระหว่างแคว้นอังคะ แคว้นมคธ และแคว้นกุรุ อัคคิทัตให้โอวาทนักบวชเหล่านั้นว่า ถ้าผู้ใดมีกามวิตกเกิดขึ้น ให้ขนทรายหนึ่งหม้อจากแม่น้ำมาเกลี่ยลง ณ ที่นี้ ซึ่งต่อมากองทรายได้ใหญ่ขึ้นและอหิฉัตตะนาคราชได้มาอาศัยอยู่ที่กองทรายนั้น ประชาชนต่างนำเครื่องสักการะไปถวายทานแก่พวกนักบวชเหล่านั้นทุก ๆ เดือน อัคคิทัตได้สอนศิษย์ของตนและชนเหล่านั้น ให้ถึงภูเขา ป่า อาราม และต้นไม้เป็นสรณะ แล้วจะพ้นจากทุกข์ทั้งสิ้นได้

วันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ในเวลาจวนรุ่ง ทรงตรวจดูสัตว์โลก อัคคิทัตพราหมณ์พร้อมด้วยศิษย์ได้เข้ามาในข่ายคือพระญาณของพระองค์ ทรงทราบว่า ชนเหล่านั้นทั้งหมดเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยแห่งพระอรหัต จึงให้พระมหาโมคคัลลานเถระไปให้โอวาทแก่มหาชนเหล่านั้น แล้วพระองค์จะเสด็จตามไปภายหลัง

พระเถระเห็นว่าชนเหล่านั้นมีมากและมีกำลัง จึงเนรมิตให้เกิดฝนเม็ดใหญ่ เพื่อให้ชนเหล่านั้นต่างเข้าบรรณศาลาของตน แล้วจึงไปพบอัคคิทัตเพียงผู้เดียว เพื่อขอพักแรม อัคคิทัตไม่ให้พระเถระพักที่บรรณศาลาของตน แต่ให้ไปพักที่กองทรายที่นาคราชอาศัยอยู่และได้เตือนว่านาชราชนั้นร้ายกายนัก

นาคราชเห็นพระเถระเดินเข้ามาจึงบังหวนควันขึ้น หวังให้พระเถระตาย ซึ่งพระเถระได้บังหวนควันสู้ ควันทั้งหลายตั้งขึ้นจนถึงพรหมโลก นาคราชไม่อาจอดทนกำลังแห่งควันได้ จึงพ่นไฟสู้ ฝ่ายพระเถระเข้าสมาบัติมีเตโชธาตุเป็นอารมณ์ แล้วพ่นไฟตอบโต้ เปลวไฟพุ่งขึ้นไปจนถึงพรหมโลก นาคราชถูกไฟคลอกไปทั่วร่าง 

หลังจากทำให้นาคราชหมดพยศแล้ว พระเถระนั่งบนกองทราย นาคราชเอาขนดรวบกองทราย แผ่พังพานกั้นอยู่เบื้องบนของพระเถระ ในเวลาเช้าหมู่ฤษีมาที่กองทราย ด้วยคิดว่าพระเถระตายแล้ว แต่เมื่อเห็นพระเถระนั่งอยู่บนยอดกองทราย จึงทราบว่าท่านสามารถทรมานนาคราชได้แล้ว

ในขณะนั้น พระศาสดาเสด็จมาถึง พระเถระลุกขึ้นถวายบังคมและบอกหมู่ฤษีว่าท่านเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านี้ หมู่ฤษีประคองอัญชลีชมเชยพระศาสดาว่า อานุภาพของสาวกยังถึงเพียงนี้ แล้วอานุภาพของพระศาสดาจะเป็นเช่นไร

พระผู้มีพระภาคทรงให้โอวาทแก่อัคคิทัตและหมู่ฤษีว่า บุคคลถึงวัตถุทั้งหลายมีภูเขาเป็นต้น ว่าเป็นที่พึ่งแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ได้เลย ส่วนบุคคลถึงพระพุทธ พระธรรม  พระสงฆ์  ว่าเป็นที่พึ่ง ย่อมพ้นจากทุกข์ในวัฏฏะทั้งสิ้นได้

พระองค์ทรงภาษิตพระคาถาว่า มนุษย์เป็นอันมาก เมื่อถูกภัยคุกคามแล้ว ย่อมถึงภูเขา ป่า อาราม และรุกขเจดีย์ว่าเป็นที่พึ่ง ซึ่งสรณะนั้นไม่เกษม ไม่อุดม เพราะไม่สามารถทำให้พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ส่วนบุคคลใดถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่ง ย่อมเห็นอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์  เหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์ และมรรคมีองค์  ๘  อันประเสริฐ ซึ่งทำให้สัตว์ถึงความสงบแห่งทุกข์ ด้วยปัญญาชอบ สรณะนั้นเกษมอุดมเพราะทำให้บุคคลพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

เมื่อจบเทศนา ฤษีเหล่านั้นทั้งหมดบรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ถวายบังคมพระศาสดา แล้วทูลขอบรรพชาในสำนักของพระผู้มีพระภาค ในขณะนั้นหมู่ฤษีได้เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งบริขาร ๘ ดุจพระเถระเป็นร้อยพรรษา ประชาชนที่นำเครื่องสักการะมา เห็นฤษีทั้งหมดบวช เกิดความสงสัยว่าอัคคิทัตเป็นใหญ่กว่าพระสมณโคดม เพราะพระสมณโคดมเป็นผู้มาหา อัคคิทัตจึงแก้ความสงสัยของบริษัท โดยเหาะขึ้นไปสู่เวหา แล้วลงมาถวายบังคมพระศาสดาถึง ๗ ครั้ง แล้วประกาศว่าตนเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า



อ่าน คาถาธรรมบท พุทธวรรค
อ่าน ปุโรหิตชื่ออัคคิทัต

อ้างอิง
คาถาธรรมบท พุทธวรรค พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ ข้อที่ ๒๔ และอรรถกถาเรื่อง ปุโรหิตชื่ออัคคิทัต
ลำดับที่
11

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ