ผ่องใสด้วยธรรมีกถา
พระสารีบุตรถามพระโมคคัลลานะว่าวันนี้พระโมคคัลลานะมีผิวพรรณผ่องใสเพราะอยู่ในวิหารธรรมอันละเอียดหรือ
พระโมคคัลลานตอบว่าท่านอยู่ในวิหารธรรมหยาบ แต่ได้มีธรรมีกถากับพระผู้มีพระภาค
พระสารีบุตรถามต่อไปว่าพระผู้มีพระภาคทรงเสด็จมาด้วยฤทธิ์หรือพระโมคคัลลานะไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคด้วยฤทธิ์
พระโมคัลลานะตอบว่ามีธรรมีกถากับพระผู้มีพระภาคด้วยทิพยจักษุธาตุและทิพยโสตธาตุ
พระโมคคัลลานะทูลถามพระผู้มีพระภาคว่าบุคคลชื่อว่ามีความเพียรด้วยเหตุเพียงเท่าใด
พระพุทธเจ้าตรัสกับพระโมคคัลลานะว่า บุคคลจะชื่อว่าเป็นผู้ปรารภความเพียร ด้วยเหตุประมาณนี้
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้ปรารภความเพียร ด้วยตั้งสัตยาธิษฐานว่า จะเหลืออยู่แต่หนัง เอ็นและกระดูก ก็ตามที เลือดและเนื้อในร่างกายจงเหือดแห้งไปเถิด ผลอันใดที่จะพึงบรรลุได้ด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความเพียรของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษ ยังไม่บรรลุผลนั้นแล้ว จะหยุดความเพียรเสียเป็นอันไม่มี
พระสารีบุตรสรรเสริญพระโมคคัลลานะว่า
เปรียบเหมือนก้อนหินเล็ก ๆ ที่บุคคลเอาไปวางเปรียบเทียบกับขุนเขาหิมพานต์ฉันใด เมื่อเปรียบเทียบเคียงกับท่านมหาโมคคัลลานะก็ฉันนั้นเหมือนกัน ท่านมหาโมคคัลลานะเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เมื่อจำนงอยู่ พึงตั้งอยู่ได้ตลอดกัป
พระโมคคัลลานะสรรเสริญพระสารีบุตรว่า
ก้อนเกลือเล็กๆ ที่บุคคลหยิบเอาไปวางเปรียบเทียบกับหม้อเกลือใหญ่ ฉันใด เมื่อเปรียบเทียบท่านสารีบุตรก็ฉันนั้น ท่านพระสารีบุตรเป็นผู้อันพระผู้มีพระภาคทรงชม ทรงสรรเสริญ ทรงยกย่อง มีอาทิว่า ภิกษุผู้ถึงซึ่งฝั่งคือพระนิพพาน เป็นผู้เยี่ยมด้วยปัญญา ด้วยศีลและอุปสมะ
อ่าน ฆฏสูตร