Main navigation

ยมกสูตร

ว่าด้วย
พระขีณาสพตายแล้วสูญหรือไม่
เหตุการณ์
พระยมกะมีทิฏฐิอันลามกว่าตนรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก พระสารีบุตรแก้ทิฏฐิพระยมกะ เมื่อพระสารีบุตรถกธรรมจบ พระยมกะบรรลุอรหัตตผล

พระสารีบุตรถามพระยมกะว่า 

ชันธ์ ๔ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวของตัวเรา

พระอริยสาวกผู้ใดสดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป ทั้งในเวทนา ทั้งในสัญญา ทั้งในสังขาร ทั้งในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น

แล้วถามพระยมกะต่อว่า

ขันธ์ ๕ เป็นสัตว์เป็นบุคคลหรือ
สัตว์ บุคคลมีในขันธ์ ๕ หรือ
สัตว์ บุคคลอื่นจากขันธ์ ๕ หรือ
เห็นขันธ์ ๕ ว่าเป็นสัตว์ บุคคลหรือ
เห็นว่าสัตว์ บุคคลนี้ไม่มีขันธ์ ๕ หรือ

ในเมื่อท่านพระยมกะจะค้นหาสัตว์ บุคคลในขันธ์ ๕ ไม่ได้เลย ควรหรือที่จะยืนยันว่า เรารู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก

เมื่อพระยมกะตอบคำถามเหล่านี้ของพระสารีบุตร พระยมกะก็ละทิฏฐิอันลามกได้ พระสารีบุตรถามพระยมกะต่อว่า ถ้าชนทั้งหลายถามพระยมกะว่า ภิกษุผู้ที่เป็นพระอรหันตขีณาสพ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเป็นอะไร พระยมกะจะพึงกล่าวแก้ว่าอย่างไร

พระยมกะตอบว่า ตนจะแก้ว่า

ขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นดับไปแล้ว ถึงแล้วซึ่งการตั้งอยู่ไม่ได้

พระสารีบุตรแสดงธรรมต่อไปว่า

ปุถุชนย่อมเห็นขันธ์ ๕ โดยความเป็นตน เห็นตนมีขันธ์ ๕ เห็นขันธ์ ๕ ในตน หรือเห็นตนในขันธ์ ๕

ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันไม่เที่ยงว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันปัจจัยปรุงแต่งว่า ปัจจัยปรุงแต่ง อันเป็นผู้ฆ่า ว่าเป็นผู้ฆ่า

ย่อมเข้าไปถือมั่น ยึดมั่น ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่า เป็นตัวตนของเรา

อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ ปุถุชนเข้าไปถือมั่น ยึดมั่นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุุกข์ตลอดกาลนาน.

พระอริยสาวกย่อมไม่เห็นขันธ์ ๕ โดยความเป็นตน ไม่เห็นตนมีขันธ์ ๕ ไม่เห็นขันธ์ ๕ ในตน หรือไม่เห็นตนในขันธ์ ๕

ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันไม่เที่ยงว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา

ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันปัจจัยปรุงแต่งว่า ปัจจัยปรุงแต่ง อันเป็นผู้ฆ่า ว่าเป็นผู้ฆ่า

ย่อมไม่เข้าไปถือมั่น ยึดมั่น ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่า เป็นตัวตนของเรา

อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ อริยสาวกไม่เข้าไปถือมั่น ยึดมั่นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขตลอดกาลนาน

พระยมกะสรรเสริญพระสารีบุตรว่า ข้อที่เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายเป็นผู้อนุเคราะห์ ใคร่ประโยชน์ เป็นผู้ว่ากล่าวพร่ำสอน ย่อมเป็นอย่างนั้นแท้ จิตของท่านหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย ไม่ถือมั่น เพราะได้ฟังธรรมเทศนานี้ของท่านสารีบุตร

 

 

 

อ่าน ยมกสูตร

 

อ้างอิง
ยมกสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ ข้อที่ ๑๙๘-๒๐๗ หน้า ๑๐๖-๑๑๒
ลำดับที่
22

สถานที่

วิหารเชตวัน

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ