ยมกสูตร
พระสารีบุตรถามพระยมกะว่า
ชันธ์ ๔ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวของตัวเรา
พระอริยสาวกผู้ใดสดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป ทั้งในเวทนา ทั้งในสัญญา ทั้งในสังขาร ทั้งในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น
แล้วถามพระยมกะต่อว่า
ขันธ์ ๕ เป็นสัตว์เป็นบุคคลหรือ
สัตว์ บุคคลมีในขันธ์ ๕ หรือ
สัตว์ บุคคลอื่นจากขันธ์ ๕ หรือ
เห็นขันธ์ ๕ ว่าเป็นสัตว์ บุคคลหรือ
เห็นว่าสัตว์ บุคคลนี้ไม่มีขันธ์ ๕ หรือ
ในเมื่อท่านพระยมกะจะค้นหาสัตว์ บุคคลในขันธ์ ๕ ไม่ได้เลย ควรหรือที่จะยืนยันว่า เรารู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า พระขีณาสพเมื่อตายไปแล้ว ย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่เกิดอีก
เมื่อพระยมกะตอบคำถามเหล่านี้ของพระสารีบุตร พระยมกะก็ละทิฏฐิอันลามกได้ พระสารีบุตรถามพระยมกะต่อว่า ถ้าชนทั้งหลายถามพระยมกะว่า ภิกษุผู้ที่เป็นพระอรหันตขีณาสพ เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเป็นอะไร พระยมกะจะพึงกล่าวแก้ว่าอย่างไร
พระยมกะตอบว่า ตนจะแก้ว่า
ขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นดับไปแล้ว ถึงแล้วซึ่งการตั้งอยู่ไม่ได้
พระสารีบุตรแสดงธรรมต่อไปว่า
ปุถุชนย่อมเห็นขันธ์ ๕ โดยความเป็นตน เห็นตนมีขันธ์ ๕ เห็นขันธ์ ๕ ในตน หรือเห็นตนในขันธ์ ๕
ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันไม่เที่ยงว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ย่อมไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันปัจจัยปรุงแต่งว่า ปัจจัยปรุงแต่ง อันเป็นผู้ฆ่า ว่าเป็นผู้ฆ่า
ย่อมเข้าไปถือมั่น ยึดมั่น ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่า เป็นตัวตนของเรา
อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ ปุถุชนเข้าไปถือมั่น ยึดมั่นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุุกข์ตลอดกาลนาน.
พระอริยสาวกย่อมไม่เห็นขันธ์ ๕ โดยความเป็นตน ไม่เห็นตนมีขันธ์ ๕ ไม่เห็นขันธ์ ๕ ในตน หรือไม่เห็นตนในขันธ์ ๕
ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันไม่เที่ยงว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันปัจจัยปรุงแต่งว่า ปัจจัยปรุงแต่ง อันเป็นผู้ฆ่า ว่าเป็นผู้ฆ่า
ย่อมไม่เข้าไปถือมั่น ยึดมั่น ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่า เป็นตัวตนของเรา
อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ อริยสาวกไม่เข้าไปถือมั่น ยึดมั่นแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อสุขตลอดกาลนาน
พระยมกะสรรเสริญพระสารีบุตรว่า ข้อที่เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายเป็นผู้อนุเคราะห์ ใคร่ประโยชน์ เป็นผู้ว่ากล่าวพร่ำสอน ย่อมเป็นอย่างนั้นแท้ จิตของท่านหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย ไม่ถือมั่น เพราะได้ฟังธรรมเทศนานี้ของท่านสารีบุตร
อ่าน ยมกสูตร