Main navigation

หลิททิกานิสูตรที่ ๑

ว่าด้วย
ลักษณะมุนี
เหตุการณ์
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตในมาคัณฑิยปัญหา และพระมหากัจจายนะได้จำแนกเนื้อความโดยพิสดารแก่หลิททิกานิคฤหบดี

พระผู้มีพระภาคตรัสพระภาษิตในมาคัณฑิยปัญหา อันมีในอัฏฐกวรรคว่า

มุนีละที่อยู่แล้ว ไม่มีที่พักเที่ยวไป
ไม่ทำความสนิทสนมในบ้าน
เป็นผู้ว่างจากกามทั้งหลาย
ไม่มุ่งถึงกาลข้างหน้า
ไม่ทำถ้อยคำแก่งแย่งกับชนอื่น

พระมหากัจจายนะได้จำแนกเนื้อความโดยพิสดาร ดังนี้

มุนีเป็นผู้ไม่มีที่อยู่อาศัยเที่ยวไปอย่างไร

ความพอใจ ความกำหนัด ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยาก ความเข้าถึง ความยึดมั่น อันเป็นที่ตั้งที่อยู่อาศัยแห่งจิตเหล่าใด ในรูปธาตุ เวทนาธาตุ สัญญาธาตุ สังขารธาตุ และวิญญาณธาตุ ความพอใจเป็นต้นเหล่านั้น อันพระตถาคตทรงละเสียแล้ว ทรงกระทำให้ไม่มี มีอันไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น พระตถาคต บัณฑิตจึงกล่าวว่า เป็นผู้ไม่มีที่อยู่อาศัยเที่ยวไป

มุนีเป็นผู้มีที่พักเที่ยวไปอย่างไร

มุนีเป็นผู้มีที่พักเที่ยวไปเพราะซ่านไปและพัวพันในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์อันเป็นนิมิตและเป็นที่พัก

มุนีเป็นผู้ไม่มีที่พักเที่ยวไปอย่างไร

กิเลสเป็นเหตุซ่านไปและพัวพันในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์อันเป็นนิมิตและที่พัก อันพระตถาคตทรงละเสียแล้ว ทรงกระทำให้ไม่มี มีอันไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น พระตถาคต บัณฑิตจึงกล่าวว่าเป็นผู้ไม่มีที่พักเที่ยวไป

มุนีเป็นผู้สนิทสนมในบ้านอย่างไร

มุนีบางคนเป็นผู้คลุกคลีกับพวกคฤหัสถ์ คือ เป็นผู้พลอยชื่นชม พลอยโศกไปกับเขา เมื่อพวกคฤหัสถ์มีสุขหรือทุกข์ ก็สุขหรือทุกข์ด้วย หรือขวนขวายในกรณียกิจของพวกคฤหัสถ์ด้วยตนเอง

มุนีไม่เป็นผู้สนิทสนมในบ้านอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เป็นผู้คลุกคลีกับพวกคฤหัสถ์ คือ ไม่พลอยชื่นชม พลอยโศกไปกับเขา เมื่อพวกคฤหัสถ์มีสุขหรือทุกข์ ก็ไม่สุขหรือทุกข์ด้วย หรือไม่ขวนขวายในกรณียกิจของพวกคฤหัสถ์ด้วยตนเอง

มุนีเป็นผู้ไม่ว่างจากกามทั้งหลายอย่างไร

มุนีบางคนยังเป็นผู้ไม่ปราศจากความกำหนัด ความพอใจ ความรัก ความกระหาย ความกระวนกระวาย ความทะยานอยากในกามทั้งหลาย

มุนีเป็นผู้ว่างจากกามทั้งหลายอย่างไร

ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ย่อมเป็นผู้ปราศจากความกำหนัด ความพอใจ ความรัก ความกระหาย ควากระวนกระวาย ความทะยานอยากในกามทั้งหลาย

มุนีเป็นผู้มุ่งถึงกาลข้างหน้าอย่างไร

มุนีบางคนมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า ในกาลข้างหน้า ขอเราพึงเป็นผู้มีรูปเวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณอย่างนี้

มุนีเป็นผู้ไม่มุ่งถึงกาลข้างหน้าอย่างไร

ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ ไม่มีความปรารถนาอย่างนี้ว่า ในกาลข้างหน้า ขอเราพึงเป็นผู้มีรูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณอย่างนี้

มุนีเป็นผู้ทำถ้อยคำแก่งแย่งกับชนอื่นอย่างไร

มุนีบางคนเป็นผู้ทำถ้อยคำดังนี้ว่า ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ เรารู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ ท่านปฏิบัติผิด เราปฏิบัติชอบ คำที่ควรกล่าวก่อน ท่านกล่าวทีหลัง คำที่ควรกล่าวทีหลัง ท่านกล่าวก่อน คำของเรามีประโยชน์ คำของท่านไม่มีประโยชน์ ข้อที่ท่านเคยประพฤติมาผิดเสียแล้ว เรายกวาทะแก่ท่านแล้ว ท่านจงประพฤติเพื่อปลดเปลื้องวาทะเสีย ท่านเป็นผู้อันเราข่มได้แล้ว หรือจงปลดเปลื้องเสียเองถ้าท่านสามารถ

มุนีไม่เป็นผู้ทำคำแก่งแย่งกับชนอื่นอย่างไร

ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ไม่ทำถ้อยคำดังนี้ว่า ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ เรารู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ ท่านเป็นผู้ปฏิบัติผิด เราเป็นผู้ปฏิบัติชอบ คำที่ควรกล่าวก่อน ท่านกล่าวทีหลัง คำที่ควรกล่าวทีหลัง ท่านกล่าวก่อน คำของเรามีประโยชน์ คำของท่านไม่มีประโยชน์ ข้อที่ท่านเคยปฏิบัติมาผิดเสียแล้ว เรายกวาทะแก่ท่านแล้ว ท่านจงประพฤติเพื่อปลดเปลื้องวาทะเสีย ท่านเป็นผู้อันเราข่มได้แล้ว หรือจงปลดเปลื้องเสียเองถ้าท่านสามารถ

 

อ่าน หลิททิกานุสูตรที่ ๑

อ้างอิง
หลิททิกานิสูตรที่ ๑ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ ข้อที่ ๑๑-๒๔ หน้า ๘-๑๑
ลำดับที่
9

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ