ผู้ถึงฝั่งแห่งภพ
พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมคาถาประกอบด้วยบท ๔ ว่า
ธรรมดาบัณฑิตต้องละความอาลัยรักใคร่ในขันธ์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบันเสีย พ้นจากทุกข์ทั้งหลาย มีชาติเป็นต้น
แล้วตรัสพระคาถาว่า
ท่านจงเปลื้องอาลัยในก่อนเสีย จงเปลื้องอาลัยข้างหลังเสีย จงเปลื้องอาลัยในท่ามกลางเสีย จึงเป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพ มีใจหลุดพ้นในธรรมทั้งปวง จะไม่เข้าถึงชาติและชราอีก
ในกาลจบเทศนา อุคคเสนบรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา การตรัสรู้ธรรมได้มีแก่สัตว์ ๘๔,๐๐๐ อุคคเสนได้บรรพชา เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งบริขาร ๘ ประหนึ่งพระเถระมีพรรษา ๖๐ ในขณะนั้นเอง
เมื่อภิกษุผู้กล่าวหาอุคคเสนว่าพยากรณ์อรหัตตผลเพราะกล่าวว่า ไม่มีความกลัว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุผู้ตัดสังโยชน์ได้แล้ว เช่นเดียวกับอุคคเสน หากลัว หาพรั่นพรึงไม่ แล้วตรัสพระคาถาว่า
เรากล่าวผู้ที่ตัดสังโยชน์ทั้งหมดได้ ไม่สะดุ้ง ผู้ล่วงกิเลสเป็นเครื่องข้อง ไม่ประกอบด้วยโยคะกิเลสแล้วว่า เป็นพราหมณ์
เมื่อจบธรรมเทศนา การบรรลุธรรมได้มีแก่ชนเป็นอันมาก
ภายหลังนางนักฟ้อนผู้เป็นภรรยาได้บรรพชาในสำนักของภิกษุณี บรรลุพระอรหัต
อ่าน คาถาธรรมบท ตัณหาวรรค
อรรถกถาเรื่อง บุตรเศรษฐีชื่ออุคคเสน