ผู้ตัดพวงดอกไม้ของมาร
เมื่อภิกษุเดินทางมาถึงระหว่างทาง เห็นพยับแดด จึงเจริญมรีจิกัมมัฏฐานว่า พยับแดดในฤดูร้อนนี้ ย่อมปรากฏประดุจมีรูปร่างแก่บุคคลผู้ยืนอยู่ไกล แต่เมื่อเข้าใกล้ย่อมไม่ปรากฏเลย แม้อัตภาพนี้ก็มีรูปร่างเหมือนอย่างนั้น เพราะเกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป
ท่านเดินต่อมาเกิดเมื่อยล้า จึงหยุดพักลงสรงน้ำ นั่งใต้ร่มไม้ริมฝั่งแม่น้ำ มองดูกระแสน้ำเชี่ยว เห็นฟองน้ำใหญ่ตั้งขึ้นด้วยแรงกระทบกันแล้วแตกไป จึงถือเอาเป็นอารมณ์ว่า แม้อัตภาพนี้ก็มีรูปร่างอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะเกิดขึ้นแล้วก็แตกไป
ฝ่ายพระศาสดาประทับอยู่ที่พระคันธกุฎี ทอดพระเนตรเห็นพระเถระนั้น จึงตรัสว่า อย่างนั้นแหละ อัตภาพนี้มีรูปอย่างนั้น มีการเกิดขึ้นและแตกไปตามสภาพเหมือนฟองน้ำและพยับแดด
ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
ภิกษุรู้แจ้งกายนี้ว่า มีฟองน้ำเป็นเครื่องเปรียบ
รู้ชัดกายนี้ว่ามีพยับแดดเป็นธรรม
ตัดพวงดอกไม้ของมารเสียแล้ว
พึงถึงสถานที่มัจจุราชไม่เห็น คือ นิพพาน
ในกาลจบพระคาถา พระเถระบรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย
คาถาธรรมบท ปุปผวรรค
อรรถกถาเรื่อง พระเถระผู้เจริญมรีจิกัมมัฏฐาน