Main navigation

ผู้มีส่วนและไม่มีส่วนแห่งสามัญผล

เหตุการณ์
กุลบุตร ๒ คน ชาวเมืองสาวัตถี ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว บวชในศาสนาของพระศาสดา รูปหนึ่งบำเพ็ญวิปัสสนาธุระ อีกรูปหนึงบำเพ็ญคันถธุระ

พระวิปัสสกเถระทูลให้พระศาสดาตรัสบอกวิปัสสนาจนถึงพระอรหัต แล้วพากเพียรพยายาม จนบรรลุพระอรหัตพร้อมกับด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย 

ฝ่ายพระคันถิกเถระเรียนพระพุทธพจน์ คือพระไตรปิฎกโดยลำดับ กล่าวธรรม สวดสรภัญญะ เที่ยวบอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป ได้เป็นอาจารย์ของคณะใหญ่ ๑๘ คณะ  

ภิกษุที่เป็นลูกศิษย์ของพระวิปัสสกเถระบำเพ็ญวิปัสสนา ตั้งอยู่ในโอวาทแล้วได้บรรลุพระอรหัต ไปเฝ้าพระศาสดา และได้กล่าวนมัสการพระคันถิกเถระผู้สหายของอาจารย์ตนตามคำบอกของพระวิปัสสกเถระ

เมื่อพระวิปัสสกเถระส่งข่าวเยี่ยมอย่างนี้เรื่อย ๆ พระคันถิกเถระจึงถามภิกษุเหล่านั้นว่าเรียนอะไรกับพระวิปัสสกเถระ เรียนนิกายใดนิกายหนึ่งมีทีฆนิกาย เป็นต้น หรือบรรดาปิฎก ๓  ปิฎกใดปิฎกหนึ่ง เมื่อทราบว่าพระวิปัสสกเถระไม่รู้จักคาถาแม้ประกอบด้วย ๔ บท ถือบังสุกุล เข้าป่าตั้งแต่คราวบวช ยังได้อันเตวาสิกมากมาย จึงตั้งใจจะถามปัญหาเมื่อได้เจอกัน
           
พระศาสดาทรงทราบว่าพระคันถิกภิกษุจะถามปัญหา เบียดเบียนพระวิปัสสกเถระแล้วจะเกิดในนรก พระศาสดาจึงเสด็จไปที่พระเถระทั้งสอง และได้ตรัสถามปัญหาในปฐมฌาน รูปสมาบัติ และอรูปสมาบัติทั้งแปด ตั้งแต่ทุติยฌานเป็นต้นไป แล้วถามปัญหาในโสดาปัตติมรรค และในมรรคที่เหลือโดยลำดับ พระคันถิกเถระก็ไม่อาจตอบได้แม้ข้อเดียว พระวิปัสสกเถระตอบปัญหานั้นได้ทั้งหมด
           
พระศาสดาได้ประทานสาธุการแก่พระวิปัสสกเถระในฐานะทั้งสี่ เทวดาทั้งหมด ตั้งต้นแต่ภุมเทวดา จนถึงพรหมโลก นาค และครุฑ ได้ฟังสาธุการนั้นแล้ว ก็ได้ให้สาธุการ
           
พวกอันเตวาสิกและสัทธิวิหาริกของพระคันถิกเถระได้สดับสาธุการนั้นแล้ว จึงกล่าวโทษพระศาสดาว่าได้ประทานสาธุการแก่พระวิปัสสกเถระผู้ไม่รู้อะไร ๆ ในฐานะทั้งสี่ แต่มิได้ทรงทำความสรรเสริญแก่พระคันถิกเถระอาจารย์ ผู้ทรงจำพระปริยัติธรรมไว้ได้ทั้งหมด เป็นหัวหน้าภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป
           
พระศาสดาเมื่อได้ทราบเนื้อความนั้นจึงตรัสว่า พระคันถิกเถระเช่นกับผู้รักษาโคเพื่อค่าจ้าง ส่วนพระวิปัสสกเถระ เช่นกับเจ้าของผู้บริโภคปัญจโครสตามชอบใจ แล้วได้ภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า

หากว่า นรชนกล่าวพระพุทธพจน์อันมีประโยชน์เกื้อกูลแม้มาก แต่เป็นผู้ประมาทแล้ว ไม่ทำตามพระพุทธพจน์นั้นไซร้ เขาย่อมไม่เป็นผู้มีส่วนแห่งสามัญผล เหมือนคนเลี้ยงโคนับโคทั้งหลายของชนเหล่าอื่น ย่อมเป็นผู้ไม่มีส่วนแห่งปัญจโครส ฉะนั้น

หากว่า นรชนกล่าวพระพุทธพจน์อันมีประโยชน์เกื้อกูลแม้น้อย แต่เป็นผู้มีปกติประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมไซร้ เขาละราคะ โทสะ และโมหะแล้ว รู้ชอบ มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว หมดความยึดถือในโลกนี้หรือในโลกหน้า เขาย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งสามัญผล

ในกาลจบคาถา ชนเป็นอันมากได้เป็นอริยบุคคลมีพระโสดาบันเป็นต้น เทศนามีประโยชน์แก่มหาชน ดังนี้แล




อ่าน คาถาธรรมบท ยมกวรรค
อ่าน ภิกษุสองสหาย

อ้างอิง
ภิกษุ ๒ สหาย พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏ เล่มที่ ๔๐​ ข้อที่ ๑๑ หน้า ๒๐๙-๒๑๖
ลำดับที่
2

สถานที่

วิหารเชตวัน

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ