ผู้ชี้บอกขุมทรัพย์ให้
พระราธะเป็นพราหมณ์ตกยากอยู่ในกรุงสาวัตถี ต้องการที่จะบวชจึงไปอยู่ในสำนักของภิกษุ ทำวัตรปฏิบัติ ภิกษุทั้งหลายได้สงเคราะห์เขา แต่ก็ไม่ปรารถนาจะให้เขาบวช เมื่อเขาไม่ได้บวช จึงซูบผอม พระศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลก ทอดพระเนตรเห็นว่าราธพราหมณ์จักเป็นพระอรหันต์ จึงเสด็จและรับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ทรงตรัสถามว่ามีภิกษุใดที่ระลึกถึงคุณของพระราธะนี้ได้
พระสารีบุตรเถระเป็นผู้กตัญญูกตเวทีได้กราบทูลว่าท่านระลึกคุณของพราหมณ์นี้ว่าได้ถวายภิกษาทัพพีหนึ่ง พระสารีบุตรจึงได้บวชให้พระราธะ เมื่อบวชแล้ว พระสารีบุตรกล่าวสอนพระราธเถระเนือง ๆ ว่า สิ่งนี้คุณควรทำ สิ่งนี้คุณไม่ควรทำ เป็นต้น ท่านเป็นผู้ว่าง่าย มีปกติรับโอวาทโดยเคารพ เมื่อท่านปฏิบัติตามคำที่พระเถระพร่ำสอนอยู่โดย ๒-๓ วันเท่านั้น ก็ได้บรรลุอรหัตตผล
พวกภิกษุสรรเสริญพระสารีบุตรและพระราธะว่า พระสารีบุตรเถระเป็นผู้กตัญญูกตเวที ระลึกถึงอุปการะเพียงภิกษาทัพพีหนึ่ง ได้ให้พราหมณ์ตกยากบวช แม้พระราธเถระก็เป็นผู้อดทนต่อโอวาท เป็นผู้ควรแก่การให้โอวาทเหมือนกัน
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ธรรมดาภิกษุควรเป็นผู้ว่าง่ายเหมือนราธะ แม้อาจารย์ชี้โทษกล่าวสอนอยู่ ก็ไม่ควรโกรธ อนึ่ง ควรเห็นบุคคลผู้ให้โอวาทเหมือนบุคคลผู้บอกขุมทรัพย์ให้ ฉะนั้น และได้ตรัสพระคาถานี้ว่า
บุคคลพึงเห็นผู้มีปัญญาใด ซึ่งเป็นผู้กล่าวนิคคหะชี้โทษ ว่าเป็นเหมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้ พึงคบผู้มีปัญญาเช่นนั้นซึ่งเป็นบัณฑิต เพราะว่า เมื่อคบท่านผู้เช่นนั้น มีแต่คุณอย่างประเสริฐ ไม่มีโทษที่ลามก
เมื่อจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น
อ่าน พระราธเถระ
อ่าน คาถาธรรมบท ปัณฑิตวรรค