ผู้เห็นธรรมอันยอดเยี่ยม
ตระกูลหนึ่งมีบุตร ๗ คน และธิดา ๗ คน บุตรและธิดาเหล่านั้น เมื่อแต่งงานแล้วก็แยกครอบครัวไปอยู่เป็นสัดส่วนของตน ทุกคนอยู่ในฐานะที่พอมีอันจะกิน ต่อมา บิดาของพวกเขาได้สิ้นชีวิตลง บุตรทั้งหลายจึงช่วยกันพูดให้มารดาแบ่งสมบัติให้โดยลูก ๆ รับปากว่าจะดูแลมารดาอย่างดี
เมื่อได้แบ่งทรัพย์สมบัติให้ลูก ๆ ทุก ๆ คน นางได้ไปอาศัยลูกชายคนโต แต่เมื่อล่วงไป ๒-๓ วัน ลูกสะใภ้คนโตได้กล่าวกับสามีว่าแม่ที่มาอยู่ด้วยทำเหมือนกับว่าได้ให้ทรัพย์ ๒ ส่วน นางจึงไปอาศัยเรือนของบุตรและธิดาคนอื่น ๆ เพียง ๒- ๓ วัน ก็ได้ยินคำพูดทำนองเดียวกัน นางเกิดความเบื่อหน่าย จึงไปบวชในสำนักภิกษุณี
เมื่อบวชแล้ว นางคิดว่านางบวชในเวลาแก่ ไม่ควรเป็นคนประมาท นางจึงทำวัตรปฏิบัติแก่นางภิกษุณีทั้งหลาย และคิดว่าจะทำสมณธรรมตลอดคืนยังรุ่ง
นางเดินจงกรมและตามระลึกถึงธรรมอยู่เสมอ พระศาสดาได้ทรงแผ่พระรัศมีไปและตรัสว่า
ความเป็นอยู่เพียงครู่เดียวของผู้เห็นธรรมที่ท่านแสดงแล้ว ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ ๑๐๐ ปีของผู้ไม่นึกถึงธรรม ไม่เห็นธรรมอันท่านแสดงแล้ว
เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
ก็ผู้ใดไม่เห็นธรรมอันยอดเยี่ยม พึงเป็นอยู่ ๑๐๐ ปี
ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้เห็นธรรมอันยอดเยี่ยม ประเสริฐกว่า ความเป็นอยู่ของผู้นั้น
ในกาลจบคาถา พระพหุปุตติกาเถรีดำรงอยู่ในพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย
อ่าน พระพหุปุตติกาเถรี
อ่าน คาถาธรรมบท สหัสสวรรค