การทำที่พึ่งด้วยธรรม
ในพระนครราชคฤห์ ธิดาแห่งสกุลของธนเศรษฐีมีบุตรสองคนชื่อ มหาปันถก และจูฬปันถก เด็กทั้งสองเติบโตอยู่ในตระกูลของตายาย มหาปันถกไปฟังธรรมกถาของพระทศพลกับตาเป็นนิตย์ จึงขอออกบวช และได้บวชในสำนักของพระศาสดา มหาปันถกเรียนพระพุทธพจน์ได้มาก เมื่อมีอายุครบ ๒๐ ได้อุปสมบท มีจิตตั้งมั่น โยนิโสมนสิการ ไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหัต
มหาปันถกได้ขอให้จูฬปันถกออกบวช จูฬปันถกเมื่อบวชแล้วเป็นคนโง่เขลา ท่องคาถาบทเดียวใช้เวลา ๔ เดือน ก็ไม่อาจท่องจำได้ เพราะบุพกรรมของตนในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้หัวเราะเยาะภิกษุเขลารูปหนึ่งในเวลาที่เรียนอุเทศ ภิกษุนั้นละอาย จึงเลิกเรียนอุเทศ ไม่ทำการสาธยายอีก เพราะกรรมนั้น เมื่อจูฬปันถกบวชแล้วจึงเป็นคนโง่ บทที่เคยเรียนแล้ว เมื่อเรียนบทต่อไป บทเก่าก็เลือนหายไป จูฬปันถกถูกพระพี่ชายประณามและขับออกจากวิหาร แต่ท่านยังไม่ปรารถนาความเป็นคฤหัสถ์ เพราะความเยื่อใยในพระพุทธศาสนา
ในกาลนั้น หมอชีวกโกมารภัจจ์ได้มาพบพระมหาปันถกเพื่อนิมนต์ภิกษุทั้งหมดไปที่เรือนของท่าน พระมหาปันถกได้บอกว่ารับนิมนต์ทั้งหมด เว้นจูฬปันถกที่โง่และไม่เจริญในธรรมวินัย เมื่อพระจูฬปันถกได้ยินจึงคิดจะหนีไปสึก
พระศาสดาทรงตรวจดูโลก ทรงเห็นเหตุนี้แล้วจึงเสด็จไปใกล้ทางที่พระจูฬปันถกจะไป และได้ให้จูฬปันถกไปอยู่ที่สำนักของพระองค์
พระศาสดาทรงประทานท่อนผ้าที่สะอาด แล้วตรัสสั่งให้จูฬปันถกลูบท่อนผ้านี้ด้วยบริกรรมว่า ‘รโชหรณํ. รโชหรณํ” (ผ้าเช็ดธุลี) เมื่อพระจูฬปันถกบริกรรมและลูบผ้าท่อนนั้น ได้เห็นท่อนผ้ากลายเป็นของเศร้าหมองอย่างนี้ ได้เริ่มตั้งความสิ้นและความเสื่อม เจริญวิปัสสนา
เมื่อพระศาสดาทรงทราบว่า จิตของพระจูฬปันถกขึ้นสู่วิปัสสนาแล้ว ได้ทรงเทศนาว่า อย่าทำความหมายเฉพาะท่อนผ้านั้นว่า เศร้าหมองแล้ว ติดธุลี ธุลีทั้งหลาย คือ ราคะ โทสะ โมหะ มีอยู่ในภายใน จงนำมันออกเสีย ภิกษุเหล่านั้นละธุลีนั่นได้ขาดแล้ว อยู่ในศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี
ในกาลจบคาถา พระจูฬปันถกบรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ผ้าสำหรับเช็ดธุลีเป็นปัจจัยของท่าน เนื่องด้วยในอดีตกาลท่านเคยได้อนิจจสัญญาขณะใช้ผ้าเช็ดพระเสโทว่า ผ้าสะอาดอย่างนี้เศร้าหมองเพราะอาศัยสรีระนี้ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ
พวกภิกษุทั้งหลายได้ปรารภพระคุณของพระศาสดา พระศาสดาทรงตรัสเล่าเรื่องที่ท่านเป็นที่พึ่งของจูฬปันถกตั้งแต่ในกาลก่อน ท่านได้ทำจูฬปันถกให้เป็นเจ้าของโลกิยทรัพย์ และในบัดนี้ได้ทำให้เป็นเจ้าของโลกุตรทรัพย์ แล้วตรัสว่า ภิกษุทั้งหลายปรารภความเพียรแล้ว ย่อมเป็นเจ้าของแห่งโลกุตรธรรมได้ แล้วได้ตรัสคาถาว่า
ผู้มีปัญญาพึงทำเกาะที่ห้วงน้ำท่วมทับไม่ได้ ด้วยความหมั่น ด้วยความไม่ประมาท ด้วยความระวัง และด้วยความฝึกตน
ในเวลาจบคาถา ชนเป็นอันมากได้เป็นพระอริยบุคคล มีพระโสดาบัน เป็นต้น
อ่าน
คาถาธรรมบท อัปปมาทวรรค
พระจูฬปันถกเถระ