บาปอันเกิดขึ้นในตน
มหากาลเป็นผู้รักษาอุโบสถ ๘ วัน ต่อเดือน ฟังธรรมกถาตลอดคืนยังรุ่งในวิหาร ในคืนหนึ่ง พวกโจรได้ขโมยของในเรือนหลังหนึ่ง แล้วหนีไป พวกเจ้าของติดตามโจรเหล่านั้น พวกโจรจึงแยกย้ายกันหนี โจรคนหนึ่งหนีไปทางวิหารได้ทิ้งห่อภัณฑะไว้ข้างหน้ามหากาล ผู้ฟังธรรมกถาตลอดคืนยังรุ่ง พวกเจ้าของติดตามหมู่โจรมา ได้พบห่อภัณฑะที่วางอยู่หน้ามหากาล จึงจับเขาไว้ กล่าวว่ามหากาลเป็นขโมยแล้วแกล้งทำเหมือนฟังธรรมอยู่ พวกเขาจึงทุบมหากาลจนตาย แล้วทิ้งศพไว้
ภิกษุและสามเณรทั้งหลายพบศพมหากาลจึงได้กราบทูลแด่พระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า มหากาลตายอย่างไม่สมควรในอัตภาพนี้ แต่การตายของเขาสมควรแก่กรรมที่ทำไว้ในกาลก่อน และตรัสบุรพกรรมของมหากาล
ในอดีตกาลพวกโจรซุ่มอยู่ที่ปากดงแห่งปัจจันตคามแห่งหนึ่งในแคว้นของพระเจ้าพาราณสี พระราชาทรงตั้งราชภัฏคนหนึ่งไว้ที่ปากดง ราชภัฏนั้นนำคนจากฟากนี้ ไปส่งอีกฟากโน้น แล้วนำคนจากฟากโน้นมาส่งฟากนี้
ต่อมา ชายคนหนึ่งพาภรรยาผู้งดงามขึ้นยานน้อยไปที่ปากดงนั้น ราชภัฏพอเห็นหญิงนั้นก็เกิดสิเนหา ชายคนนั้นขอให้ราชภัฏช่วยพาทั้งสองผ่านพ้นดง แต่ราชภัฏอ้างว่ามืดแล้วให้ไปพักที่เรือนของเขาและจะพาไปตอนเช้าตรู่
สามีภรรยาทั้งสองไม่อาจไปได้ จึงต้องไปสู่เรือนของราชภัฏ ราชภัฏได้เอาแก้วมณีของตนไปซ่อนไว้ในยานน้อยของพวกเขา และทำเสียงเหมือนพวกโจรเข้ามาในบ้าน เมื่อคนรับใช้แจ้งว่าแก้วมณีถูกพวกโจรลักไป ราชภัฏจึงสั่งให้ตรวจค้นคนผู้ออกไปจากบ้านและได้ค้นยานน้อยของสามีภรรยา เมื่อได้พบแก้วมณีที่ราชภัฏซ่อนไว้ จึงจับตัวและราชภัฏได้สั่งให้ช่วยกันทุบสามีจนตาย แล้วเอาไปทิ้ง
นี้เป็นบุรพกรรมของมหากาล ราชภัฏนั้นได้เกิดในอเวจี ไหม้อยู่ในอเวจีนั้นสิ้นกาลนาน ถูกทุบตาย ๑๐๐ อัตภาพ เพราะวิบากที่ยังเหลืออยู่
พระศาสดาทรงแสดงบุพกรรมของมหากาลแล้ว ตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย บาปกรรมอันตนทำไว้นั่นแล ย่อมย่ำยีสัตว์เหล่านี้ในอบาย ๔ อย่างนี้
แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า
บาปอันตนทำไว้เอง เกิดในตน มีตนเป็นแดนเกิด
ย่อมย่ำยีบุคคลผู้มีปัญญาทราม ดุจเพชรย่ำยีแก้วมณี อันเกิดแต่หิน ฉะนั้น
ในกาลจบเทศนา ภิกษุที่มาประชุมบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น
อ่าน อุบาสกชื่อมหากาล
อ่าน คาถาธรรมบท อัตตวรรค